“เมื่อก่อนเป็นร้านเล็กๆ ไม่ได้ให้สุนัขเข้า แต่พอย้ายร้านมาก็อยากจะมีสวนข้างหน้า อยากจะมีเหมือนเป็นพื้นที่บ้านข้างหน้า และตัวเราเองก็เป็นคนที่รักสุนัขอยู่แล้ว พอเลี้ยงแล้ว ก็อยากหาที่ให้มันไปกินข้าวข้างนอกด้วยได้ แต่หาที่เข้ายากมาก เราก็เลยคิดว่าไหนๆ เราก็เปิดร้านอยู่แล้วก็อยากเปิดในแบบที่สามารถพาน้องหมาเข้ามาด้วยได้ดีกว่า” นี่คือคำพูดแรกเมื่อเราถามถึงที่มาของร้านสุดเก๋แห่งนี้จากสถาปนิกออกแบบภายในสาวสวย คุณรัตนนันท์ กิติวัฒน์ หรือ คุณนุช หนึ่งในหุ้นส่วนเจ้าของร้าน if it is ย่านซอยทองหล่อ 23 ที่พึ่งย้ายมาจากซอยสุขุมวิท 38 ได้เพียง 2 เดือน
“ตรงสนามหญ้าก่อนหน้านี้ก็มีคนมาจัดเป็นปาร์ตี้วันเกิดของน้องหมา แล้วเค้าก็เอามาแบบครบคอก เหมือนมานัดเจอกัน ก็วิ่งกันทั้งร้าน เป็นบูลด็อกและพันธุ์อื่นๆ ด้วย ก็น่ารักดี”คุณนุชพูดพลางชี้ไปที่สนามหญ้ากว้างขวางหน้าร้าน และนี่คือความหมายของคำว่า If It Is ที่เป็นชื่อร้านด้วย คือ ถ้ามันเป็นแบบนั้น ถ้ามันเป็นแบบนี้ ร้านนี้จึงเปรียบเสมือนสถานที่ที่เราอยากจะให้มันเป็นอะไรก็ได้ แล้วแต่ลูกค้าต้องการ อย่างเช่นเปลี่ยนสนามหญ้าหน้าร้านให้กลายเป็นพื้นที่ปาร์ตี้วันเกิดน้องหมาตัวเองก็สามารถทำได้
“เราอยากให้ที่นี่เปลี่ยนเป็นอะไรได้หลายๆ อย่าง ไม่อยากให้ยึดติดว่าเป็นร้านอาหารอย่างเดียว อาจทำให้กลายเป็นโชว์รูมของเรา เป็นสเตจก็ได้ หรือเป็นพื้นที่จัดงานต่างๆ โดยอุปกรณ์ภายในร้านสามารถย้ายไปมาตามที่ต้องการได้ เช่น เอาโต๊ะตรงนี้ออกก็เปลี่ยนเป็นทางเดินแคทวอล์ค หรือใช้พื้นที่ทั้งในร้านและสวนด้านหน้าจัดเป็นงานแต่งงานเล็กๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน”
ร้าน If It Is มีการตกแต่งร้านที่สวยงามและเต็มไปด้วยอารมณ์ศิลป์ โดยเฉพาะการนำเอาหลักการทางศิลปะที่ทำให้คนดูได้รับประสบการณ์ร่วมโดยมีประโยชน์ใช้สอยอยู่ในนั้นมาเป็นแนวคิดในการตกแต่งร้าน ทำให้บรรยากาศของที่นี่ดูแตกต่างและเต็มไปด้วยลักษณะเฉพาะตัว
“เพราะเราอยากโชว์งานเพ้นท์ด้วย ว่าเราสามารถเพ้นท์แบบนี้ สไตล์นี้ได้นะ ทุกอย่างในร้านจึงออกแบบและเพ้นท์เองทั้งหมด อย่างต้นไม้หรืออักษร อ. ที่เพ้นท์บนผนัง สังเกตเห็นว่าที่นี่มีตัวอักษร อ. มากมายใช้เป็นทั้งของประดับและลายเพ้นท์ที่ผนังเพราะเราอยากให้มีความเป็นไทยแฝงอยู่ เลยเอากราฟฟิคตัว อ. มาเล่น และตัวอักษร อ. ก็ได้มาจากคำว่า If It Is (อีฟ อิท อีส) เวลาอ่านเป็นไทย เมื่อก่อนสมัยที่อยู่ที่ร้านเก่าเราใช้ตัวอักษร I แต่ที่นี่เราอยากให้เป็นไทยมากขึ้นเลยใช้ตัวอักษร อ. แทน”
ส่วนหน้าตาและการจัดวางอาหารของที่นี่ก็จัดได้ว่าสวยงามไม่แพ้สถานที่กันเลยทีเดียว โดยอาหารนั้นมีหลากหลายเมนูให้เลือก ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเมนูที่ค่อนข้างแปลกตา
“อาหารของเรา เรียกว่า Confusion Food คือมีทั้งไทยแท้ๆ ต่างประเทศ อินเดีย หรือหลายที่ผสมกัน โดยเราเลือกเฉพาะอาหารที่เราคิดว่าทำแล้วอร่อย แล้วดัดแปลงเป็นสูตรเฉพาะของตัวเอง ส่วนหนึ่งเพราะเราชอบทำอาหารอยู่แล้วจึงเป็นคนคิดเมนูอาหารภายในร้านเอง”
เมนูขึ้นชื่อของร้านนี้คือ เฟรนช์ฟรายพร้อมน้ำจิ้ม (dip) โดยเฟรนช์ฟรายที่นี่เป็นมันฝรั่งทอดแท่งโต เสิร์ฟพร้อม dip ที่มีให้เลือกมากกว่า 30 แบบ เช่น ครีมชีส ทูน่า แกงกะหรี่ไก่ หมูเผ็ด ฯลฯ รสชาติที่ออกมาต้องบอกว่าอร่อยและน่าประทับใจ ด้วยความกรอบนอกนุ่มในของเฟรนช์ฟรายที่เข้ากันได้ดีกับ dip หลากหลายชนิด ทำให้เวลารับประทานไปแล้วไม่น่าเบื่อ สามารถจิ้มเปลี่ยนรสชาติไปได้เรื่อยๆ
“Dip ก็เหมือนสี ตัวเฟรนซ์ฟรายเองก็เหมือนแปรง ภาชนะที่ใส่ก็คือจานสี เวลาที่เราเพ้นท์ ต่างคนก็จะมีสี มีรสชาติที่ชอบของตัวเอง ก็เลยเป็นแนวคิดของเมนูนี้”คุณนุชได้เล่าให้ฟังถึงที่มาของแนวคิดเมนูเด็ดประจำร้าน และเมื่อเรามองดูดีๆ ก็พบว่าการจัดวางของเฟรนฟรายด์และ dip นั้นก็เหมือนแปรงกับจานสีอย่างที่คุณนุชว่ามาจริงๆ
นอกจากนี้ยังมี สปาเกตตี้ผัดตับกระเทียมพริกไทยแสนอร่อย โรตีไส้ชีสอ่อนนุ่มกำลังดี และหมี่กรอบหน้าไก่ที่แปลกตาเนื่องจากเคยเห็นแต่ข้าวหน้าไก่ แต่ที่นี่ใช้หมี่ขาวกรอบแทนข้าวเสิร์ฟพร้อมน้ำราดหน้าไก่และไข่ดาว ที่เมื่อกินพร้อมกันแล้วให้ความนุ่มละมุนลิ้นในทุกคำที่ได้สัมผัส
“ตอนนี้ทางร้านกำลังจัดโปรโมชั่น doggy happy hour สำหรับลูกค้าที่พาสุนัขมาด้วยในช่วงเวลา 4 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม รับเครื่องดื่มฟรีทันที 1 แก้ว และเรายังเตรียมสเตชั่นสำหรับคอยต้อนรับน้องหมา มีทั้ง ชามอาหาร ถาดน้ำ กระดาษทิชชู่ ซึ่งสามารถหยิบยืมใช้ได้เลย”
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับสาวสวยที่มุ่งมั่นและพยายามนำเสนอตัวตนในสิ่งที่เธอชอบออกมาในรูปแบบที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และเชื่อแน่ว่าเจ้าของสุนัขหลายๆ คน ก็กำลังมองหาร้านดีๆ ที่สามารถพาน้องหมาของตัวเองเข้าไปได้แบบนี้อยู่เช่นกัน ดังนั้นถ้ามีโอกาสก็อย่าลืมพาน้องหมาไปใช้บริการกันเยอะๆ นะครับ