Published on ISSUE 3
เราอยากจะเปิดร้านที่ให้คนพาสุนัขเข้ามา ด้วยได้นะ และอยากให้มีสวนให้สุนัขเข้ามาวิ่งเล่นได้ เพราะน้องหมาของเราเองก็ชอบวิ่งเล่น หรือบางทีเจ้าของที่เลี้ยงสุนัขอยู่ตัวเดียว เห็นน้องหมาอยู่บ้านอาจจะเหงาๆ จะได้พามาเจอมาเล่นกับสุนัขตัวอื่นข้างนอกบ้าง

Inu Machi café : เมืองเล็กๆ ของคนรักสุนัข

เรื่อง : Bluebird fly ภาพ : หมอแพะ/Lonely tea

ในยุคปัจจุบันที่คนเราเริ่มให้ความสำคัญกับสุนัขเสมือนมีเพื่อนรู้ใจที่ แม้ไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน แต่ก็เข้าใจกันได้อย่างประหลาด เพราะความต่างอาจถูกสร้างมาเพื่อให้เราเติมเต็ม จึงไม่แปลกเลยที่วันนี้เราจะเห็นเจ้าสี่ขาหลายๆ ตัวได้ออกมาเดินเที่ยวเล่นตามสถานที่ต่างๆ กันมากขึ้น เปลี่ยนวันธรรมดาของหมาน้อยให้กลายเป็นวันพิเศษขึ้นมาถนัดตา แต่ด้วยข้อจำกัดในหลายด้าน ทำให้สถานที่รับรองยังมีค่อนข้างน้อย ยิ่งถ้าใครอยากจะพาน้องหมาไปกินข้าวนอกบ้านด้วยกันแล้ว อาจต้องคิดหนักว่าจะต้องพาไปไหนดี และนี่จึงเป็นอีกแนวคิดหนึ่งของคาเฟ่แห่งใหม่ติดกับถนนราชพฤกษ์ ที่พื้นที่กว่าครึ่งถูกสร้างเป็นสนามหญ้าให้สุนัขมาวิ่งเล่นได้ คุณพงศ์พิพัฒน์ กิตติสถาพร หรือคุณเอ็ม เจ้าของร้านซึ่งเข้าใจในความต้องการของคนเลี้ยงสุนัขและอยากลองทำคาเฟ่ที่มี ดีมากกว่าการเป็นร้านอาหารทั่วๆ ไป

ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ร้าน อินุมาชิคาเฟ่”

มันเริ่มจากเราชอบพาสุนัขไปเดินเล่น แล้วถึงจังหวะที่เราจะนั่งกิน หรือสังสรรค์กับเพื่อนที่พาสุนัขไปด้วยกัน มันหาที่ไม่ค่อยได้ เราก็เลยคิดว่า โอเค ไหนๆ เราก็มีเพื่อนที่รู้จักเปิดร้านแนวๆ คาเฟ่หมา คาเฟ่แมวอยู่แล้ว เลยลองเอาแนวคิดพวกนั้นมารวมกัน เพื่อให้ได้ร้านตามแบบที่เราต้องการว่าอยากจะเปิดร้านที่ให้คนพาสุนัขเข้ามา ด้วยได้นะ และอยากให้มีสวนให้สุนัขเข้ามาวิ่งเล่นได้ เพราะน้องหมาของเราเองก็ชอบวิ่งเล่น หรือบางทีเจ้าของที่เลี้ยงสุนัขอยู่ตัวเดียว เห็นน้องหมาอยู่บ้านอาจจะเหงาๆ จะได้พามาเจอมาเล่นกับสุนัขตัวอื่นข้างนอกบ้าง

ด้วยบรรยากาศของร้านที่คุณเอ็มอยากจะให้ลูกค้าได้นั่งกันแบบเพลินๆ สบายๆ ด้านหน้าร้านจึงตกแต่งด้วยกระจกเพื่อเปิดพื้นที่ร้านให้ดูโล่งและโปร่ง โต๊ะเก้าอี้ในร้านเลือกใช้วัสดุจากไม้เป็นหลักเพราะชื่นชอบในโทนสีและความ รู้สึกอบอุ่นเป็นธรรมชาติเมื่อได้สัมผัสลงไป ด้านนอกร้านตกแต่งด้วยเก้าอี้หวายและชิงช้า เพื่อให้ลูกค้าได้นั่งเล่นนั่งคุยกันเวลาที่ปล่อยสุนัขวิ่งเล่นในสนาม ซึ่งข้อดีอีกอย่างของที่นี่คือกฏระเบียบข้อบังคับยังมีไม่เยอะ เน้นให้ต่างคนต่างช่วยกันดูแลสุนัขที่ตัวเองพามาเสียมากกว่า ส่วนใครที่ไม่ได้เลี้ยงก็มานั่งเล่น มาถ่ายรูปกับสุนัขของที่ร้านหรือที่ลูกค้าพามาด้วยก็ยังได้ ซึ่งพระเอกที่เป็นไฮไลท์ของร้านเลยก็คือ สุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ และ ชิบะ อินุ ที่ค่อนข้างเป็นมิตรและดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ตั้งแต่แรกเห็น และเชื่อแน่ว่าต้องมีใครหลายคนเคยใฝ่ฝันที่จะเลี้ยงทั้งสองสายพันธุ์นี้ อย่างแน่นอน

เราก็เป็นคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันอยากจะเลี้ยงไซบีเรียน ฮัสกี้ ซึ่งคนส่วนใหญ่อาจจะชอบเพราะหน้าตาเค้าดูเท่ แต่เรากลับชอบที่นิสัยเขามากกว่า เพราะเขาค่อนข้างใจดี ขี้เล่น ชอบเข้าหาคน อยากให้คนจับ บางทีจะเห็นเค้าเดินเลี่ยงมือเราไปบ้าง เพราะบางทีการพุ่งเข้าหาเค้าตรงๆ เลย อาจจะทำให้เค้าไม่โอเค แต่ถ้าเรานั่งเฉยๆ เค้าก็จะเดินเฉียดไปมา ไม่กลัวคน ส่วนชิบะเองก็เป็นอีกพันธุ์หนึ่งที่ใฝ่ฝันไว้ แต่ขนาดมันต่างกับไซบีเรียนพอสมควร พอเราแน่ใจว่าน่าจะเลี้ยงด้วยกันได้ เลยเป็นจังหวะดีที่ได้เอาชิบะเข้ามาเลี้ยงด้วย

 

IMG_6405

 

รูปใบหน้าที่เจ้าหมาชิบะกำลังยิ้ม ถูกวาดเป็นการ์ตูนและใช้เป็นโลโก้ของร้านอินุมาชิ เพราะอยากสื่อถึงความเป็นมิตรของสุนัข ที่เราสามารถมาเล่นกับมันได้ และชิบะเองก็เป็นสุนัขที่ขึ้นชื่อในเรื่องของหมาหน้ายิ้มอยู่แล้ว ทั้งนิสัยก็ยังน่ารัก ซุกซน และชอบเล่นกับคนมาก และคำว่า อินุ กับ มาชิ เอง ก็ยังมีรากศัพท์มาจากภาษาญี่ปุ่น โดย อินุ หมายถึง สุนัข และมาชิ แปลว่า เมือง ซึ่งคุณเอ็มอยากจะเติมคำว่า มาชิ ที่แปลว่า เมือง ลงไป เพราะอยากสื่อถึงสุนัขหลายๆ พันธุ์ที่เราสามารถพบเจอได้ในร้าน เปรียบเสมือนเมืองขนาดย่อมๆ ที่รอการมาของเหล่าคนรักสุนัขนั่นเอง

จริงๆ เรามีสุนัขอยู่หลายพันธุ์ ทั้ง ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เยอรมัน เชปเพิร์ด รวมๆ ประมาณ 10 กว่าตัวที่บ้าน แล้วก็มีไซบีเรียน 8 ตัว และชิบะอีก 2 ตัว ก็จะผลัดๆ กันมา ซึ่งเราจะพยายามเอาตัวที่ไม่อยู่ในช่วงผลัดขนมา เพราะมันเกี่ยวข้องกับเรื่องสุขลักษณะและอากาศภายในร้าน หรือบางตัวที่ดูเหมือนจะเหนื่อยๆ เราก็จะให้พัก แล้วเอาตัวอื่นมาแทน

นอกจากจุดเด่นที่เป็นคาเฟ่สำหรับน้องหมาแล้ว รสชาติอาหารของที่นี่ก็จัดได้ว่า อร่อย ทานง่าย โดยเน้นเมนูที่เกี่ยวกับข้าวเป็นหลัก ซึ่งเมนูแนะนำของร้านเลยก็คือ ข้าวหมูย่างน้ำจิ้มแจ่ว แต่เนื่องด้วยเราเห็นว่าเมนูประจำวันที่เราไปเยี่ยมชมนั้นโดดเด่นและน่าสนใจ กว่าจึงเลือกเป็นข้าวสตูซี่โครงหมูแทน และไม่ผิดหวังแม้แต่น้อยกับรสชาติของซี่โครงหมูแต่ละชิ้นที่เคี่ยวมาอย่างดี ในน้ำสตูรสกลมกล่อม ส่วนเครื่องดื่มยอดนิยมอย่างกาแฟคาปูชิโน่นั้นก็ยังคงรสชาติเข้มเสมอต้นเสมอ ปลาย รวมไปถึงบลูเลม่อนโซดาที่เรียกความสดชื่นได้เป็นอย่างดี ก่อนที่เราจะตบท้ายด้วยเมนูของหวานอย่าง วาฟเฟิล เสิร์ฟพร้อมวิปครีมและไอศรีม ราดด้วยเมเปิ้ลไซรัป ที่ใส่ถ้วยแยกมาให้เราราดเพิ่มได้อีกจนจุใจ นับว่าเป็นการปิดท้ายชุดอาหารมื้อพิเศษมื้อนี้ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว

ในอนาคตของร้าน เราก็อยากเห็นคนเข้ามานั่งเล่นกันสบายๆ ที่ร้านแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะ ลูกค้าที่เคยพาสุนัขมาก็อยากให้พากลับมาเจอมาวิ่งเล่นด้วยกันอีก แค่นี้คนที่รักสุนัขด้วยกันอย่างเราก็มีความสุขมากๆ แล้ว