ในแต่ละวันที่การใช้ชีวิตของเราค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้า หลายคนเริ่มเข้าสู่วัยทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างเต็มตัว หลายคนอุทิศชีวิตให้กับเจตนารมณ์ที่ตัวเองเคยตั้งใจไว้ หลายคนกำลังวางอิฐก้อนแรกของความฝันและหวังจะก่อสร้างมันให้สำเร็จ เราต่างออกเดินทางไปยังจุดหมายที่แตกต่างกัน โดยมีกฏของเวลาที่คอยย้ำเตือนถึงระยะทางและโอกาสที่ยังหลงเหลือ จนกว่าการแลกเปลี่ยนออกซิเจนในอากาศครั้งสุดท้ายจะมาถึง “เวลา…ช่างมีความหมายจริงๆ นะ”
และหากพูดถึงหนังไทยที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง “ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” ที่เข้าฉายไปแค่ 2 สัปดาห์ก็มีรายได้มุ่งสู่ 80 ล้านบาทแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้บรรยากาศของหนังน่าดูยิ่งขึ้น ก็คงหนีไม่พ้นเพลงประกอบภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาและทำนองโดนใจคนทำงานในยุคนี้เป็นที่สุด ซึ่งเบื้องหลังและที่มาของเพลง vacation time นี้ ก็มาจากวงดนตรีกลุ่มเล็กๆ ที่ดูจะรักการทำเพลงมากกว่างานประจำที่ทำกันอยู่เสียด้วยซ้ำ วงดนตรีมากฝีมือที่คุณภาพของเพลงไปไกลกว่าชื่อวงอยู่หลายขุม พวกเค้าเรียกตัวเองว่า “Part Time The Musician”
ว่ากันด้วยเรื่องงานประจำ
ปอม : ปัจจุบันเปิดร้านอาหารชื่อ Tinee Eatery Workshop
นิค : ทำฟรีแลนซ์เกี่ยวกับเพลงโฆษณา
แพท : พึ่งจบการศึกษาปีนี้
จิน : ฟรีแลนซ์ออกแบบเสียง และก็เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
อุน : ตอนนี้เล่นดนตรีกลางคืนกับพวกงานอีเว้นท์ เล่นกับอาร์ม The voice
ศิลปินในดวงใจ
ปอม : Marcus Miller ถ้าเป็นวงก็พวก Jamiroquai
นิค : The Beatles
แพท : Wang Lee Hom (หัวเราะ) จริงๆ ที่รู้จักกันหน่อยก็ Arctic Monkeys
จิน : ชอบ Radiohead แล้วก็ชอบโปรดิวเซอร์ที่ทำเพลงให้วง Hardwell
กว่าจะได้ซักเพลงไม่ใช่เรื่องง่าย
นิค : เริ่มจากนิคเขียนเพลงแล้วก็ฮัมๆ ใส่ทำนองกับกีต้าร์โปร่งก่อน ให้มันขึ้นเป็นโครงสร้างคร่าวๆ ให้เสร็จประมาณ 50% ว่ามีท่อนไหนอะไรยังไงบ้าง แล้วค่อยให้ส่วนของ Rhythm section ซึ่งส่วนมากจะเป็นพี่แป็กกับพี่ปอม (มือกลองและมือเบส) เป็นคนขึ้นโครงต่ออีกที เหมือนมีโครงสร้างที่เป็นแกนหลักแล้วแต่ละคนก็ค่อยๆ เติมสีที่ตัวเองชอบลงไป เช่น แพทก็จะไปดีไซน์การร้องมา อุนกับจินก็จะไปคิดไลน์ตัวเองมา แล้วช่วยๆ กันตบอีกทีให้มันออกมากลมกล่อม
ปอม : ระยะเวลาการทำต่อ 1 เพลง ก็มีตั้งแต่ทำ 3-4 วันเสร็จ ยัน 3-4 เดือนเสร็จเลยก็มี
วัตถุดิบในการทำเพลง
นิค : ดูหนัง เพราะผมเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ สมาธิผมสั้น (หัวเราะ)
ปอม : ฟังเพลงอื่นเยอะๆ
นิค : แล้วเราก็อยากจะมีเหมือนเค้า อยากเป็นเหมือนเค้า ตามประสาประเทศที่ยังไม่เคย เพราะศิลปะในประเทศเรามันก็ยังไม่ได้รุ่งเรืองในขนาดที่แบบถูกปลูกฝังมาให้เสพศิลปะพอๆ กับวิชาการ อย่างเพลง Message in the bottle
เราก็อยากลองแต่งเพลงที่มันเป็นคำถามปลายเปิด ว่าต้นเหตุมันก็ไม่มี ปลายเหตุมันก็ยังไม่แน่ชัด แค่อยากให้คนฟังเอาเรื่องราวของตัวเองมาใส่ลงในเพลง แค่นั้น
ความฝันของนักดนตรี
นิค : ผมว่าทุกคนฝันอยากจะใช้ชีวิตแบบมีดนตรีเป็นอาชีพได้นะ แต่มันแทบเป็นไม่ได้ในเมืองไทย ใครทำได้ก็ถือว่าเก่ง
ปอม : ส่วนน้อยมาก อาจจะไม่เกินซัก 20% ด้วยซ้ำ มันจะดังอยู่ช่วงหนึ่ง พอผ่านไปซัก 5-10 ปีก็จะหาย ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้
นิค : แต่วันหนึ่งผมก็ฝันไว้ว่าอยากจะได้ไปเล่นที่ต่างประเทศนะ
เพลงโปรดในอัลบั้ม
ปอม : สำหรับผมจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ชอบเพลงใหม่ที่กำลังจะปล่อยมากสุด ชื่อเพลง No way no
นิค : ชอบ Message in the bottle เพราะรู้สึกชอบงานเขียนตัวเองสุด แต่ถ้าขอขอบคุณเพลงไหนสุดก็ต้อง Vacation time เพราะมันดังสุดเลย
แพท : The only one เพราะรู้สึกว่าคนฟังน่าจะเข้าถึงง่ายดี
จิน : The haunted house ชอบองค์ประกอบทุกอย่างของเพลงนี้
อุน : แย่งตอบอะ (หัวเราะ) ชอบเพลงนี้เหมือนกันจริงๆ แล้วดนตรีทุกชิ้นมันเด่นหมด
ต้นกำเนิดเพลง Vacation time
นิค : เริ่มจากเราตั้งโจทย์ว่าอยากจะเขียนเพลงอะไรก็ได้ให้มันเป็นที่รู้จัก ซัก 1,000 คนก็ยังดี ก็เลยนึกถึงเรื่องที่จะเข้าถึงทุกคนและมีเปอร์เซ็นต์ที่จะได้รับความนิยมประมาณนึง แล้วยิ่งพอมีพี่จาก GTH โทรมาติดต่อว่าจะขอเอาเพลงไปใช้ประกอบหนัง ครั้งแรกเราก็ไม่เชื่อนึกว่าเค้าอำเล่น เลยโทรไปหาพี่ไก่ที่เค้าเขียนบทอยู่ใน GTH และเป็นผู้กำกับเพลง Vacation time ตัวออริจินอล พี่เค้าก็บอกว่าเรื่องจริงนะ ก็ดีใจมาก
อุน : ดีใจแทนนิคที่แต่งเพลงนี้ออกมา เพราะถือว่ามันก็ประสบความสำเร็จนะ และเป็นเพลงแรกที่ปล่อยในนามของวง Part time the musician ด้วย
เวลาว่างไปพักร้อนที่ไหน
ปอม : ชอบธรรมชาติ ภูเขา
นิค : ไปที่ไหนก็ได้ที่วัฒนธรรมหรือสิ่งแวดล้อมมันเปลี่ยน เช่น สลัมก็ได้ เพราะรู้สึกว่ามันต้องมีบางมุมที่ถ้าเราไม่เคยเดินเข้าไปเราไม่มีทางรู้หรอกว่าข้างในมันเป็นยังไง
แพท : ชอบภูเขา ชอบดูต้นไม้
จิน : ผมเป็นคนชอบ แสง-สี-เสียง (หัวเราะ) จริงๆ ก็คล้ายนิค ชอบไปดูเมืองอื่น วัฒนธรรมอื่น ไปไหนก็ได้ที่ไม่ได้อยู่ที่เดิม
อุน : ชอบไปทะเล ไปหาร้านนั่งฟังเพลง คนน้อยๆ แต่ดนตรีดีๆ
เปรียบเทียบวง Part time เป็นสัตว์ซักชนิดหนึ่ง
ปอม : หมูแคระ เพราะว่าตัวมันเล็ก น่ารัก คล้ายๆ กับวงเรา
นิค : หมา เพราะเราชอบหมาที่สุด แล้วเราก็ชอบเพลงเราที่สุด
แพท : หมาเหมือนกัน เพราะตอนเริ่มทำวงแรกๆ ที่พี่ๆ มาชวน เค้าก็ส่งลิ้งค์เพลงมาให้ มันก็ยังเป็นวีดีโอที่มีรูปพี่เค้ากับหมาแปะไว้ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นมาสคอตของวง
จิน : กระต่าย เป็นเชิงสัญลักษณ์ว่าเพลงของเราที่มันดูเหมือนจะน่ารัก แต่มันก็ไม่ได้น่ารักซะทีเดียวนะ
อุน : ลิงหลอกเจ้ามั้ง เหมือนกับเพลงวงเราชอบซ่อนท่อนที่คนฟังไม่คิดว่าจะเอามาใส่ เช่น เพลง Sad song ขึ้นมาเศร้าเลย แต่จริงๆ ก็เป็นเพลงที่มีจังหวะสนุก หรือเพลง Would you mind ก็ออกแนว Pop แต่มีเสียงแปลกๆ แทรกขึ้นมาผสม
ภาพของวงในอนาคต
นิค : อยากแค่ได้เล่นดนตรีต่อ มีอัลบั้ม 2 อัลบั้ม 3 ไปเรื่อยๆ
จิน : เออ แค่นั้นแหละ
อุน : ขอไปเล่น festival ที่เมืองนอก
นิค : ขอแค่อยากให้อยู่กันครบๆ มีสมาชิกเพิ่มได้แต่อย่าลด
อุน : อย่าตายนะ
ฝากถึงคนที่มีความฝัน
ปอม : อยากทำอะไรก็ทำเลยดีกว่า ถ้ามัวแต่ไปรอมันช้า เพราะถ้าเริ่มทำเร็วเราก็จะได้รู้คำตอบเร็วว่าเราทำได้หรือไม่ได้ รวมถึงเราต้องยอมรับคำวิจารณ์ให้ได้ด้วยนะ
นิค : คนที่อยู่ยั่งยืนคือคนที่มองคำด่าแล้วสามารถอยู่กับมันได้ นั่นคือตัวจริง อะไรที่เรารับไว้แล้วแย่ก็อย่าไปจำ ตั้งใจทำงาน เราเท่านั้นทีรู้ว่าตัวเองทำดีได้มากน้อยแค่ไหน
แพท : อย่ามองข้ามโอกาส อย่างแพทก็ไม่เคยทำอะไรเกี่ยวดนตรีมาก่อน แต่ทุนเดิมเป็นคนชอบร้องเพลง พอเค้ามาชวนก็ลองดู แล้วมันก็ดีจริงๆ
จิน : ทุกคนต้องสู้ๆ ครับ ทุกวันนี้พวกเราก็ยังต้องสู้กันอยู่เลย
อุน : ตั้งใจทำต่อไปเรื่อยๆ เพราะทุกอย่างมันต้องใช้เวลานะ
สมาชิกในวง
จิน – วรเมธ มตุธรรมธาดา (กีต้าร์)
นิค – ธาฤทธิ์ เจียรกุล (ร้องนำและกีต้าร์)
ปอม – ธนภณ สันติวัฒนา – (เบส)
แพท – วรรณรดา วิชัยธนารักษ์ (ร้องนำ)
อุน – คีตา วังขจรวุฒิศักดิ์ (คอรัสและกีต้าร์)
วิว – อธิยา วรวิจิตราพันธ์ (เปียโนและไวโอลิน)