เดินตามรอยเท้าพ่อ : คุณนพพร วุฒิกุล เลขาธิการศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน กับศูนย์ดูแลสุนัขจรจัดต้นแบบของประเทศไทย
ลึกๆ ในใจเราทุกคนต่างต้องการฮีโร่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่กำลังมีปัญหาหรือผู้ที่ถูกทอดทิ้ง เหมือนดั่งเหล่าสุนัขจรจัดในเขตอำเภอหัวหิน ที่ยังคงเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายพยายามแก้ไขกันอยู่ เพราะสำหรับสุนัขจรจัดแล้ว การมีใครสักคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือก็เหมือนกับการปรากฏตัวของฮีโร่ที่มาเข้ามาช่วยชีวิตเค้าให้อยู่รอดต่อไปได้นั่นเอง
ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหินก็เปรียบเสมือนฮีโร่คนนั้น โดยถือกำเนิดขึ้นตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี 2546 ที่ต้องการให้ศูนย์เป็นแหล่งพักพิงอันอบอุ่นของสุนัขจรจัดและสุนัขที่เจ้าของทอดทิ้ง ทั้งยังเป็นโครงการต้นแบบตัวอย่างของท้องถิ่นอื่นๆ ในการดูแลบริหารจัดการสุนัขเร่ร่อนอย่างมีระบบและครบวงจร เพื่อคอยดูแลรักษาให้สุนัขจรจัดเหล่านั้นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
และในครั้งนี้เราได้รับเกียรติเป็นอย่างสูงจาก คุณนพพร วุฒิกุล เลขาธิการศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน และนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน มาเป็นผู้เล่าเรื่องราวและความสำคัญของพันธกิจในศูนย์รักษ์สุนัขแห่งนี้
“ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหินนั้นเป็นโครงการตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการที่จะมาดูแลสุนัขจรจัด โดยท่านได้เสด็จมาประทับอยู่ที่วังไกลกังวลแล้วท่านก็ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นปัญหาว่ามีสุนัขจรจัดอยู่ในเขตเทศบาลเมืองหัวหินอยู่มาก ท่านเลยมีแนวคิดว่าน่าจะมีการจัดการเรื่องของสุนัขจรจัดทั้งระบบ” ท่านนายกเทศมนตรีเมืองหัวหินเล่าประวัติความเป็นมาของศูนย์ให้เราฟัง
“โดยกระบวนการของทางศูนย์นั้นเริ่มต้นจากการนำสุนัขจรจัดเข้ามา คัดแยกเฝ้าดูอาการประมาณ 14 วัน ถ้าสุนัขป่วยก็รักษาตามอาการ ส่วนสุนัขที่ไม่ป่วยก็เอามาทำหมันมารักษาให้สุขภาพดีขึ้นแล้วปล่อยแยกตามคอก ตลอดจนถ้าเป็นลูกสุนัขก็จัดหาบ้านใหม่ให้เขาด้วย เป็นการดูแลสุนัขจรจัดทุกระบบเพื่อนำไปเป็นต้นแบบของการบริหารจัดการสุนัขจรจัดทั่วประเทศไทย”
โดยทางศูนย์รักษ์สุนัขหัวหินจะคอยรับเรื่องแจ้งจากประชาชนหากพบสุนัขจรจัดในเขตอำเภอหัวหิน และส่งเจ้าหน้าที่ไปจับกลับมาดูแลต่อที่ศูนย์ แต่อย่างไรก็ดีในฐานะนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ท่านได้บอกกับพวกเราว่าปัญหาสุนัขจรจัดในอำเภอหัวหินยังคงมีอยู่และควรได้รับความร่วมมือแก้ไขจากทุกฝ่ายอย่างจริงจัง
“เรื่องของสุนัจจรจัดถ้าเรามองว่าไม่สำคัญมันก็จบ แต่ถ้าใครมองว่าสำคัญก็จะรู้ว่ามันสำคัญมากด้วย เพราะเราเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก และต้องยอมรับว่าสุนัขจรจัดมีโอกาสเป็นได้ทั้งโรคพิษสุนัขบ้า รวมถึงสร้างปัญหาในเรื่องของการถ่ายอุจจาระ การเห่าเสียงดัง การไล่กัดคน ซึ่งทำให้เสียภาพลักษณ์ของการเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่เราต้องจัดการทั้งระบบให้มีมาตรฐาน”
ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของทางศูนย์รักษ์สุนัขหัวหินที่ต้องการเป็นศูนย์ต้นแบบในการแก้ปัญหาสุนัขจรจัด โดยท่านบอกว่าในฐานะที่เป็นทั้งนายกเทศมนตรีเมืองหัวหินและเลขาธิการศูนย์รักษ์สุนัขแล้ว ท่านอยากให้ศูนย์รักษ์สุนัขแห่งนี้ สืบสานเจตนารมย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการสร้างต้นแบบต่อไป เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาสุนัขจรจัดในบ้านเราแบบยั่งยืน
“เราอยากสืบสานพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ศูนย์รักสุนัขแห่งนี้เป็นศูนย์ดูแลสุนัขจรจัดต้นแบบ และเราอยากพัฒนาจนทำให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าเราทำได้ดีทั้งในเรื่องของความสะอาดและความปลอดภัย เพราะเราอยากให้ที่นี่เป็นศูนย์ดูแลสุนัขจรจัดที่ดีที่สุด และเป็นศูนย์ที่ถือเป็นต้นแบบให้คนอื่นสามารถมาศึกษาและดูงานได้ รวมไปถึงเป็นที่บำบัดสุนัขที่พิการอีกด้วย”
ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการศูนย์รักษ์สุนัขหัวหินนั้น ท่านได้บอกกับเราว่าสิ่งหนึ่งที่ท่านประทับใจเป็นอย่างยิ่งคือการได้ปฏิบัติและสืบสานตามพระราชดำริให้โครงการพัฒนาและสำเร็จลุล่วงมาอย่างต่อเนื่อง
“การที่ได้ทำงานตามโครงการพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสุดแล้ว โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2552 ซึ่งเป็นวันที่ทางเทศบาลเมืองหัวหินได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิศูนย์รักษ์สุนัขในพระบรมราชูปถัมภ์อย่างถูกต้อง ก็รู้สึกดีใจที่ได้ทำงานในโครงการตามพระราชประสงค์ให้สำเร็จลุล่วงไปขั้นหนึ่ง และถ้าพูดถึงสิ่งที่ประทับใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการที่พระองค์ท่านได้เสด็จมาเยี่ยมสุนัขเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 เพราะเราได้มีโอกาสถวายรายงานและได้รับพระราชทานเงินจากพระองค์ที่ประทานมาให้ รวมไปถึงได้กราบพระบาทท่านด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับพระองค์มากขนาดนี้ นับเป็นเกียรติทั้งแก่ตัวเองและครอบครัวอย่างหาที่สุดไม่ได้”
แม้ว่าทางศูนย์รักษ์สุนัขหัวหินจะมีการช่วยเหลือสุนัขจรจัดในเขตอำเภอหัวหินมาแล้วมากมาย แต่อย่างไรก็ดีท่านนายกเทศมนตรีก็ยังอยากฝากแนวคิดดีๆ ทิ้งท้ายถึงพวกเราเอาไว้ว่า ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหินนั้นเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาส่วนหนึ่งเท่านั้น หากแต่สิ่งสำคัญที่แท้จริงก็คือ จิตสำนึกในความรับผิดชอบของผู้เลี้ยงสุนัขทุกคนต่างหาก ที่จะทำให้ปัญหาสุนัขจรจัดนี้หมดไปจากสังคมของเราได้
“เราคงหนีความจริงไม่ได้ว่าปัญหาสุนัขจรจัดทุกตัวเริ่มต้นมาจากสุนัขที่ทุกคนเลี้ยง ดังนั้นก่อนที่จะเลี้ยงสุนัขควรถามตัวเองก่อนว่าเราพร้อมที่จะเลี้ยงเขาแล้วหรือยัง หรือถ้าเลี้ยงเค้าต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ ก็ควรหาทางบริหารจัดการที่เหมาะสม ไม่ใช่สุดท้ายเราเลือกที่จะผลักความรับผิดชอบกลับไปให้กับสังคม ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ดีว่าไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว”
หากเลือกที่จะเลี้ยงเราก็ควรรู้ว่าต้องรักเค้าจนสุดหัวใจ
เพราะสุนัขไม่เคยรักใคร…นอกจากเจ้านายของตัวเอง