Published on ISSUE 3
ก่อนที่เราจะรับสุนัขเข้าฝึกแต่ละตัวผมจะถามเจ้าของสุนัขก่อนเสมอว่าพร้อมหรือไม่ เพราะการฝึกสุนัขเป็นเรื่องของ 2 ชีวิต สุนัขต้องพร้อม และเจ้าของเองก็ต้องพร้อมด้วย

Heart Trainer – หลักสูตรฝึกสุนัขด้วยหัวใจ

เรื่องและภาพ : howl the team

หลักสูตรการฝึกสุนัขด้วยหัวใจของคุณเดชา เดโชกำธร

 

คงไม่มีใครเถียงความจริงที่ว่า…สุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์

แต่ถึงกระนั้นสุนัขก็ไม่ใช่เพื่อนที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง ถ้าพูดไปแล้วสุนัขก็เปรียบเสมือนเพื่อนจริงๆ ของเราที่หลายครั้งอาจมีแง่มุมที่ไม่น่ารักบ้าง เอาแต่ใจบ้าง หงุดหงิดบ้าง ดังนั้นในการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับสุนัข จึงต้องอาศัยการปรับตัวเข้าหากัน สุนัขต้องเข้าใจรูปแบบการใช้ชีวิตของคน และคนก็ต้องเข้าใจนิสัยของสุนัขด้วย

เพราะเหตุนี้เองบทบาทของ “ครูฝึกสุนัข” จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องใกล้ตัวของคนเลี้ยงสุนัขทั่วไป จริงอยู่ว่าเราไม่ได้ต้องการฝึกสุนัขให้เป็นสุนัขทหาร แต่มันคงเป็นเรื่องที่ดีถ้าเราสามารถฝึกสุนัขให้เข้าใจกฎระเบียบการอยู่ร่วมกับคนได้ และที่สำคัญคือคำว่าการฝึกสุนัขนั้นไม่ใช่ว่าเราผลักภาระให้สุนัขปรับตัวเข้าหาคนอย่างเดียว หากแต่หมายถึงการฝึกหัวใจของเจ้าของให้เข้าใจและปรับตัวเข้าหาสุนัขด้วยเช่นกัน

และนั่นคือบทบาทของครูฝึกสุนัขมากประสบการณ์ คุณเดชา เดโชกำธร หรือที่ในวงการคนเลี้ยงสุนัขเรียกติดปากกันว่า “ครูเอก” เจ้าของและครูฝึกสุนัข สถาบันฝึกสุนัข Pet Oasis ใช้เป็นแนวทางมาโดยตลอด

“ก่อนที่เราจะรับสุนัขเข้าฝึกแต่ละตัวผมจะถามเจ้าของสุนัขก่อนเสมอว่าพร้อมหรือไม่ เพราะการฝึกสุนัขเป็นเรื่องของ 2 ชีวิต สุนัขต้องพร้อม และเจ้าของเองก็ต้องพร้อมด้วย”

คุณเดชา หรือ ครูเอก เริ่มต้นการเป็นครูฝึกสุนัขด้วยเหตุการณ์ที่อาจจะแตกต่างจากคนอื่นๆ คือ ในสมัยเด็กเขาเป็นเพียงเจ้าของสุนัขธรรมดาคนหนึ่งที่เลี้ยงสุนัขด้วยการตามใจ ก่อนที่เขาจะเริ่มเอะใจว่าทำไมสุนัขจึงเอาแต่ใจและไม่ฟังคำสั่งเลย

“สมัยเป็นเด็กผมเคยเลี้ยงสุนัขพันธุ์ชิสุ ผมรู้แค่ว่ามันน่ารักเลยเลี้ยงแบบตามใจ จนกระทั่งมันเริ่มโตขึ้น เราก็เริ่มสังเกตเห็นว่าทำไมเขาเป็นสุนัขที่ไร้ระเบียบอย่างนี้ เพราะตอนนั้นเรายังไม่รู้วิธีการฝึกสุนัขที่ถูกต้อง แล้วเริ่มมีปมฝังใจว่าสุนัขก็ควรมีระเบียบและอยากมีสุนัขที่สามารถฝึกได้”

จนกระทั่งคุณเดชาได้รับเพื่อนนักศึกษาแลกเปลี่ยนต่างชาติชาวอังกฤษมาเยี่ยมชมที่บ้าน พอได้เห็นสุนัขเขาก็บอกว่ารูปแบบการเลี้ยงสุนัขที่เป็นอยู่ตอนนี้นั้นไม่ถูกต้อง เพราะสุนัขกำลังเอาแต่ใจและทำตัวเป็นเจ้านายแทนเรา

“พอเพื่อนผมอ่านท่าทางและพฤติกรรมของสุนัขที่บ้านแล้ว เขาก็บอกว่าสุนัขของคุณกลายเป็นเจ้านายคุณแล้วนะ เขาสั่งคุณหมดทุกอย่างเลย เราไม่เข้าใจเพราะคิดว่าที่หมาของเราเห่าก็เพราะคิดถึง ที่กระโดดหาเราเพราะคิดว่ามันรัก แต่ความจริงแล้วเขากำลังเร่งให้คุณไปยุ่งกับมัน ถ้าคุณไม่ยุ่งมันก็จะเห่าสั่ง เราก็เริ่มสนใจและอยากลองวิชาเพื่อนคนนั้นเลยให้ลองฝึกสุนัขของเราให้ดู ปรากฏว่าผ่านไปชั่วโมงเดียว เขาทำให้สุนัขตัวนั้นเชื่อฟังเขาได้ เรารู้สึกว่ามันมีความแตกต่าง และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้จักการ eye contact ระหว่างคนกับสุนัข และเป็นที่มาของหัวใจการฝึกสุนัขในแบบของผมในเวลาต่อมา”

 

IMG_6517

 

ด้วยความสนใจคุณเดชาเลยมาศึกษาการฝึกสุนัขด้วยตัวเองทั้งการอ่านหนังสือและดูจากวิธีการสอนออนไลน์ ทำให้เขาได้รู้จักกับ Zack George ครูฝึกสุนัขชื่อดังในตอนนี้ ซึ่งตอนนั้น Zack ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ และด้วยความที่เคยมีประสบการณ์ไม่ดีกับครูฝึกที่ใช้อารมณ์และความรุนแรงในการฝึกสุนัข ทำให้เมื่อเห็นแนวทางการฝึกที่ไม่รุนแรงแต่ทำให้สุนัขเชื่อฟังได้ของ Zack แล้วก็ทำให้ครูเอกสนใจมาก เลยติดต่อพูดคุยกับเขา ปรึกษาแนวทางการฝึกสุนัขที่ใช้หลัก positive ว่าคืออะไร เรียนรู้และปรับแนวทางเรื่อยมาจนเป็นสไตล์ประจำตัวครูเอกในที่สุด

“แนวทางการฝึกของผมเน้นให้น้องหมาเขาโฟกัสที่เจ้าของมากกว่าให้เชื่อฟังคำสั่ง โดยเฉพาะเรื่อง eye contact ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสุนัขเขาสนใจเรานะ โฟกัสที่เราแล้วนะ ถ้าทำได้ถึงตรงนี้แล้วคำสั่งจากนี้จะไม่ใช่เรื่องยากเพราะถ้าเขาสนใจเรา เขาก็จะฟังเราและทำตามคำสั่งของเราด้วย”

นอกจาก eye contact หรือการสบตาแล้ว การฝึกที่เน้นแนวทาง positive ก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยการฝึกแบบนี้ครูเอกบอกว่าเป็นเหมือนการคุยกับเขามากกว่า เวลาเขาทำไม่ดีเราก็ว่ากล่าวตักเตือน พอเขายอมทำตามเราก็ชม เขาก็จะเริ่มเข้าใจเราแล้วว่าอันไหนควรทำ อันไหนไม่ควรทำ เพราะไม่มีใครอยากถูกดุ สุนัขเองก็เช่นกัน ถ้าเขาทำดีแล้วได้รับคำชมเขาก็จะทำเรื่องดีๆ ต่อไป

ครูฝึกสุนัขท่านนี้ยังบอกกับเราอีกว่าในปัจจุบันยังมีค่านิยมที่ไม่ถูกต้องมากมายเกี่ยวกับการฝึกสุนัขที่เจ้าของสุนัขยังเชื่ออยู่ เช่น ให้ข่มหรือตีสุนัขไว้ สุนัขตัวนั้นจะไม่ดื้อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดและไม่ควรทำอย่างมาก

“เวลาที่สุนัขถูกข่มหรือถูกตีมากๆ จะมีความแค้นเคืองนะ โดยเฉพาะการตีนั้นไม่ใช่การฝึกหรือปรับพฤติกรรมสุนัขเลย กลับกันการตีสุนัขยิ่งทำให้สุนัขเก็บกดและคอยหาเวลาเอาคืนเราเมื่อสบโอกาส เช่น เห็นเจ้าของอ่อนแอหรือบาดเจ็บ ก็จะเข้ามากัด แล้วเราก็โทษหมาว่านิสัยเลว เนรคุณ ซึ่งความจริงไม่ใช่เลย”

เมื่อถามถึงหัวใจของการฝึกสุนัขจากประสบการณ์กว่า 10 ปี ของครูเอก เขาบอกอย่างไม่ลังเลเลยว่าสิ่งแรกที่ต้องมีเลยคือความรัก เพราะเมื่อมีความรักสุนัขแล้ว เราจะสามารถอดทนและทำได้ทุกอย่างเพื่อสอนเขา

“สิ่งสำคัญที่สุดจริงๆ คือต้องรักสุนัขให้มากๆ ก่อน จากนั้นจึงค่อยเริ่มฝึก ถ้าคุณโมโหที่เขาทำไม่ได้ดั่งใจ ให้พักก่อนซัก 5 – 10 นาที เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ แล้วมาดูว่าเราพลาดไปตรงไหน ตรงปรับตรงไหนบ้าง แล้วจึงค่อยกลับไปฝึกอีกครั้ง เพราะถ้าเราน็อตหลุดไปดุ ไปตีเขา เขาจะกลัวนะ เขาจับบรรยากาศได้ แล้วพอเริ่มฝึกครั้งต่อไปสุนัขก็จะไม่ค่อยอยากมาแล้ว เพราะมาฝึกแล้วไม่มีความสุข ต้องเจ็บตัว ดังนั้นเราจึงต้องมีความรักให้เขามากๆ สื่อสารกันด้วยหัวใจ”

ทุกวันนี้สถาบันฝึกสุนัข Pet Oasis ของครูเอกยังคงมุ่งมั่นในการฝึกสุนัขในแนวทางที่ใช้หัวใจและความรักเป็นหลักต่อไป จริงอยู่ที่ว่าสุนัขกับมนุษย์นั้นไม่สามารถสื่อสารกันได้ด้วยภาษาเดียวกัน และถึงแม้จะไม่ใช่ครูฝึกสุนัข แต่หากวันนี้เราเริ่มสังเกตสุนัขของเรา แล้วเปิดใจใช้หัวใจสื่อสารกันมากกว่านี้ เราน่าจะเข้าใจกันมากขึ้น

เมื่อเข้าใจกันมากขึ้น เราย่อมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขมากขึ้นเช่นกัน