Published on ISSUE 5
ถ้าท็อฟฟี่เป็นโรค FIV จริง ผมยืนยันแล้วว่าจะเลี้ยงเขาให้ดี มีชีวิตที่ดีต่อไป ผมไม่เคยกลัวคำว่าโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เพราะที่ผ่านมาผมเป็นภูมิคุ้มกันให้กับเขาทุกเรื่องอยู่แล้ว ถ้าเขาเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผมขอเป็นภูมิคุ้มกันให้กับตัวเขาแทนเอง

I Will Be With You

เรื่องและภาพ : howl the team

ชีวิตและความผูกพันของคุณไพฑูรย์ มูลแสดง กับเหล่าแมวแฝดคนละฝา

หน้าตาเหมือนกันเลย

นี่คือความรู้สึกแรกของเราเมื่อได้เห็นหน้าตาของวอปเปอร์และทอฟฟี่ แมวต่างสายพันธุ์ที่หน้าตาช่างละม้ายคล้ายคลึงกันของคุณไพฑูรย์ มูลแสดง หรือคุณทูน เจ้าของแมวอารมณ์ดีทั้ง 2 ตัวนี้ แต่เราคงต้องบอกก่อนว่าความจริงแล้วคุณทูนมีแมวทั้ง 3 ตัว แต่ในครั้งนี้เราอยากจะมาพูดคุยเน้นหนักกันที่วอปเปอร์และทอฟฟี่ แมวตัวใหญ่ 2 ตัวที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน แต่มีหน้าตาอะไรคล้ายๆ ราวกับเป็นพี่น้องกัน

แต่ถ้าจะพูดไปแล้ว การกล่าวว่าทั้ง 2 ตัวนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันคงไม่ได้ เพราะในตอนนี้ทั้งวอปเปอร์ ทอฟฟี่ ต่างเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของคุณไพฑูรย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่เขาบอกว่าพลพรรคแมวที่เขาเลี้ยงไว้นั้นทำให้ชีวิตของเขามีสีสันและเป็นสิ่งเติมเต็มในชีวิตของเขา

ด้วยความที่เป็นสายพันธุ์เมนคูนผสมเปอร์เซียทำให้วอปเปอร์มีขนาดใหญ่กว่าแมวทั่วไป เช่นเดียวกับทอฟฟี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าแมวปกติอย่างเห็นได้ชัดด้วยกัน แม้ว่าคุณไพฑูรย์จะบอกว่าทอฟฟี่น่าจะเป็นพันธุ์เปอร์เซียที่มีโครงร่างใหญ่มากกว่าจะมีเชื้อสายเมนคูน

แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกับคุณไพฑูรย์ตั้งแต่ต้นจนจบบทสัมภาษณ์แล้ว ทำให้เราได้รู้ว่าสิ่งที่ใหญ่ไม่ใช่มีแค่ขนาดของแมวทั้ง 2 ตัวนี้เท่านั้น

เพราะเรากล้าพูดได้เต็มปากว่า ความรักของเขาก็ “ใหญ่” ไม่แพ้กันเลย

คุณไพฑูรย์เล่าให้เราฟังว่าจุดเริ่มต้นที่เขาได้ตัดสินใจเลี้ยงแมวนั้นมาจากความเหงา เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยเลี้ยงกระต่ายและเมื่อย้ายมาอยู่ที่คอนโดแล้วด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่างทำให้เขาไม่สามารถเลี้ยงได้ เลยเริ่มตัดสินใจหาสัตว์เลี้ยงแก้เหงาและลงเอยที่แมว

“พอดีคอนโดที่ผมอยู่มีกฎระเบียบค่อนข้างเคร่งครัด ถ้าเลี้ยงสุนัขแล้วเขาเห่าเสียงดังอาจทำให้มีปัญหาได้ ผมจึงเลือกเลี้ยงแมว พอดีผมมีเพื่อนเลี้ยงแมวและรักแมวมาก เพราะเหตุนี้จึงอยากลองสัมผัสว่าทำไมแมวจึงมีเสน่ห์ทำให้เพื่อนผมชอบได้ขนาดนั้น”

เมื่อตัดสินใจได้แล้วคุณทูนจึงได้โพสลงเฟซบุ๊กเล่น ๆ ว่า อยากได้แมวมาเลี้ยง โดยที่เขาเองก็ไม่ได้หวังว่าต้องเป็นแมวสายพันธุ์อะไร แล้วบังเอิญว่ามีรุ่นน้องมาติดต่อบอกว่าตอนนี้มีแมวอยู่ 1 ตัว ชื่อวอปเปอร์ ซึ่งตอนนี้เลี้ยงไม่ได้เพราะไม่มีคนดูแล

“พอน้องเขาส่งรูปมาให้ดู เหมือนกับผมได้เจอรักแรกพบเลย คือชอบในทันที เขาคุยกับผมตอนเช้า ตอนเย็นผมขับรถไปรับตัวเขาที่หัวหินเลย ไม่ลังเลอะไรทั้งสิ้น ยกเลิกงานทุกอย่างในวันนั้นเลย”คุณทูนเล่าให้เราฟังพลางอุ้มวอปเปอร์มานั่งบนตักอย่างนิ่มนวล

วอปเปอร์เป็นแมวพันธุ์เมนคูนผสมเปอร์เซียมีสีเทา มีจุดเด่นที่นิสัยเรียบร้อย สงบ อีกทั้งยังอดทนนั่งรอคุณทูนทำงานจนเสร็จก่อนเพื่อมาเล่นด้วยกันด้วยได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้พบเจอในแมวทั่วไป

“เพราะนิสัยของวอปเปอร์เป็นแบบนั้นทำให้เราไม่รู้สึกวุ่นวายอะไรเลย ด้วยความที่เราต้องทำงานและวอปเปอร์จะไม่พยายามเข้าหาเราโดยตรงซึ่งเป็นสเน่ห์ของเขา เขาจะเดินวนรอบๆ ตัวเรา มานั่งบนคอมพิวเตอร์บ้าง แต่เราก็จะบอกให้เขารอ พอเราทำงานเสร็จทุกครั้งก็จะเห็นเขานั่งข้างหลังเราเพื่อรอเล่นกับเราไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม”

แต่เนื่องด้วยภาระการงานที่มากขึ้น ทำให้คุณไพฑูรย์เริ่มรู้สึกสงสารวอปเปอร์เวลาต้องนั่งรอเขานานๆ ทำให้เกิดความคิดว่าอยากมีแมวอีกตัวมาให้เป็นเพื่อน ซึ่งตอนนั้นคุณไพฑูรย์ได้เริ่มเปิดแฟนเพจแล้ว มีคนติดตามความน่ารักของวอปเปอร์พอสมควร เมื่อลองโพสไปเล่น ๆ อีกครั้งว่าอยากได้แมวมาเลี้ยงเป็นเพื่อนวอปเปอร์ ก็มีคนส่งรูปทอฟฟี่มาให้เขาดู

“พอได้เห็นรูปท็อฟฟี่แวบแรกที่เห็นรู้สึกว่าเป็นหน้าเหมือนกับวอปเปอร์เลย อย่างกับฝาแฝดแกะกันออกมา แต่เป็นวอปเปอร์ที่หน้าตาโหดมากๆ”คุณทูนเล่าให้เราฟังอย่างออกรสชาติ “พอลองสอบถามไปปรากฏว่าเป็นแมวที่ถูกขังกรงอยู่ที่คลินิกเพราะมีปัญหากับแมวตัวอื่น และพอยิ่งถูกขังยิ่งทำให้นิสัยดุและก้าวร้าว ทำให้ทุกคนต่างพูดเป็นคำเดียวกันเลยว่าแมวตัวนี้ดุมากนะ”

แต่เมื่อคุณไพฑูรย์มาเจอกับท็อฟฟี่จริงและลองเอามือไปเขี่ยเขา ปรากฏว่าเขากลับมาไซ้มือเรา ทำให้เขารู้สึกถูกชะตาตั้งแต่ตอนนั้น และตัดสินใจรับเลี้ยงเป็นแมวตัวที่ 2 ในบ้านตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

แม้ว่าจะดุแต่เมื่อคุณไพฑูรย์ค่อยๆ เลี้ยงท็อฟฟี่ด้วยความรักและค่อยๆ ทำความเข้าใจกัน ทำให้ในที่สุดตอนนี้ท็อฟฟี่เปลี่ยนไปเป็นแมวที่มนุษย์สามารถเข้าหาได้ปกติ ทำให้เขาคิดว่าที่ผ่านมาที่ท็อฟฟี่มีนิสัยไม่น่ารักก็เพราะมนุษย์นั่นเอง

 
IMG_2066

 

“ผมได้คำตอบว่าที่ผ่านมาที่ทอฟฟี่เป็นแมวดุ ไม่เอาใครนั้นน่าจะเคยผ่านปัญหาอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบมนุษย์ แต่พอเราให้ความใส่ใจเขา ทำสิ่งที่เขาชอบ เขาก็จะแสดงความน่ารักของเขาออกมาเอง จนตอนนี้เจ้าของเดิมท็อฟฟี่มาเห็นยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าท็อฟฟี่สามารถเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้”คุณไพฑูรย์ยิ้มกว้าง “ถ้าบอกว่าวอปเปอร์เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเลี้ยงแมวแล้ว ก็คงต้องบอกว่าทอฟฟี่เป็นสีสันในชีวิตผมเลย”

คุณไพฑูรย์ยังเล่าให้เราฟังอย่างไม่ปิดบังอีกว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนไปมากตั้งแต่เลี้ยงแมว เพราะก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่ชอบเที่ยวกลางคืนมาก แต่เมื่อเลี้ยงแมวแล้วกลับทำให้เขาเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองแทนที่จะไปเที่ยวกลางคืนกลับกลายมาเป็นอยู่บ้านเล่นกับแมวแทน

“ก่อนหน้านี้แค่ตอนสองทุ่มผมต้องรู้แล้วว่าไปเที่ยวที่ไหน ผมเที่ยวกลางคืนหนักๆ มาเกือบ 2 ปี จนกระทั่งเราได้เจอแมว และนั่นทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปเลยนะ” คุณไพฑูรย์มองไปทางวอปเปอร์ “เพราะผมไม่มีลูกและแฟนด้วย เมื่อได้เลี้ยงแมวก็เหมือนกับได้เติมเต็มชีวิตของเรา ทำให้อยากอยู่กับเขามากขึ้น ไม่อยากออกไปเที่ยวกลางคืนเหมือนแต่ก่อน เดี๋ยวนี้เห็นผู้หญิงแต่งตัวสวยๆ มาผมไม่รู้สึกมีความสุขเลย อยากอยู่กับแมวมากกว่า เวลาได้อยู่ด้วยกันแล้วมันเป็นโลกส่วนตัวเล็กๆ ที่ผมมีความสุขมาก”

ด้วยความที่คุณไพฑูรย์เป็นคนที่รักการเขียนและถ่ายภาพ จึงตัดสินใจเปิดเป็นแฟนเพจ “แฝดคนละฝา” บนเฟซบุ๊กขึ้น เพื่อเล่าเรื่องราวของเขากับเหล่าแมวที่เลี้ยง ส่วนสาเหตุที่ใช้ชื่อนี้เพราะว่าแมวแต่ละตัวมีหน้าตาละม้ายคล้ายกันเหมือนฝาแฝด ด้วยความน่ารักของแมวทั้ง 2 ตัวและน้องใหม่ที่มีชื่อว่าเฟอร์บี้ ทำให้มีคนมาติดตามแฟนเพจเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

แต่แล้ววันหนึ่งก็เหมือนกับฟ้าผ่าลงมาในชีวิตของคุณไพฑูรย์ เมื่อเขาพาท็อฟฟี่ไปบริจาคเลือดแต่ปรากฏว่าผลเลือดกลับบอกว่าท็อฟฟี่มีโอกาสเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว (Feline Immunoefficiency Virus, FIV) หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่าโรคเอดส์แมวนั่นเอง

“ตอนที่ผมรู้ว่าแมวของผมตรวจด้วย Test Kit แล้วขึ้นว่าเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว ตอนนั้นน้ำตาผมไหลเลย เหมือนกับรู้ว่าคนในครอบครัวเราจะต้องตาย ผมเศร้ามากเลยนะ”คุณไพฑูรย์เล่าให้เราฟังถึงเหตุการณ์วันนั้น “แต่ผมรู้ว่าผมเศร้าอย่างเดียวไม่ได้ ผมต้องหาข้อมูลว่าโรคนี้คืออะไรกันแน่ เลยค้นคว้าและอ่านมาเยอะมาก และสัตวแพทย์ได้บอกว่าผมยังมีความหวังเรื่องของการตรวจยืนยันด้วยวิธี PCR เพราะการตรวจด้วย Test Kit มีโอกาสที่จะพลาดได้ ต้องยืนยันด้วยการตรวจด้วยวิธี PCR เสียก่อน แต่เราวางแผนไว้แล้วว่าแมวของเราตัวไหนที่ไม่เป็น เราจะให้ไปอยู่กับใคร เพราะเขาไม่ควรมาเสี่ยงกับโรคร้าย แต่พูดตรงๆ ว่าแค่คิดผมก็ปวดร้าวแล้ว”

“ส่วนถ้าท็อฟฟี่เป็นโรค FIV จริง ผมก็ยืนยันแล้วว่าจะเลี้ยงเขาให้ดี มีชีวิตที่ดีต่อไป”คุณไพฑูรย์พูดอย่างจริงจัง “ผมไม่เคยกลัวคำว่าโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เพราะที่ผ่านมาผมเป็นภูมิคุ้มกันให้กับเขาทุกเรื่องอยู่แล้ว ถ้าเขาเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผมขอเป็นภูมิคุ้มกันให้กับตัวเขาแทนเอง”

ในที่สุดก็ถึงวันฟังผลการตรวจ PCR เมื่อคุณหมอบอกกับเขาว่าดีใจด้วยแมวของคุณไม่มีตัวไหนเป็น FIV เลย คุณไพฑูรย์บอกว่าเขาไม่เคยรู้สึกดีใจแบบนี้มาก่อนในชีวิต

“ผมกอดหมอเลยนะ กอดหมอตรงหน้าประตูห้องตรวจเลย หมอเป็นผู้ชายด้วย”คุณไพฑูรย์ยิ้มกว้าง “หมอบอกว่าใจเย็นๆ เข้าไปกอดข้างในก็ได้ แต่ผมดีใจจริงๆ นะ ดีใจที่จะได้อยู่กับพวกเขาต่อไป”

 

IMG_2131

 

ทุกวันนี้คุณไพฑูรย์ประกอบอาชีพเป็นคนขับรถแท็กซี่และรับขนส่งจักรยาน รวมไปถึงขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ต และใช้เวลาว่างส่วนมากดูแลแมว โดยคุณไพฑูรย์บอกว่าเขามีแนวทางการเลี้ยงแมวว่าเขาจะไม่เลี้ยงแมวเป็นแมว แต่จะเลี้ยงแมวเป็นเพื่อน อาศัยอยู่ร่วมกันและร่วมทุกข์ร่วมสุขกันทุกที่

“ผมไม่ใช่คนที่ตื่นมาตอนเช้าเทอาหารแมวใส่ชามแล้วออกจากบ้าน ตอนเย็นก็ค่อยกลับมา ผมชอบทำกิจกรรมร่วมกับพวกเขา ผมชอบพาแมวไปเที่ยว”คุณไพฑูรย์เล่าให้เราฟังพร้อมรอยยิ้ม “ส่วนหนึ่งเพราะว่าผมอยู่คอนโดไม่ค่อยมีสถานที่ให้เขาเดินหรือวิ่งมากนัก เลยอยากให้เขาได้ไปสัมผัสโลกกว้างบ้าง และผมมองเขาว่าเป็นเพื่อนผม เวลาผมไปไหนผมก็พาไปด้วย แต่ผมป้องกันอย่างดีนะ มีปลอกคอสายจูงพร้อม แม้ว่าเขาจะนิ่งจะเชื่องก็ตาม ผมไม่เคยให้แมวตัวอื่นอยู่ใกล้กับแมวของผมเกิน 1 ฟุต เป็นเรื่องของความปลอดภัย ไม่เคยให้กินอาหาร น้ำ หรือขับถ่ายนอกบ้านเลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือสาเหตุของการติดเชื้อและทำให้แมวไม่สบาย”

เมื่อเราถามถึงสิ่งสำคัญที่ทำให้คุณไพฑูรย์สามารถเลี้ยงแมวได้อย่างเข้าใจขนาดนี้ เขาได้บอกว่าสิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจก่อนว่าแมวทุกตัวมีเสน่ห์ในตัวเอง ไม่มีตัวไหนแทนกันได้ แมวแต่ละตัวสำหรับเขาแล้วคือองค์ประกอบที่ทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์ และที่สำคัญคือต้องมีความรัก ความรู้ ความใส่ใจ ความอดทน 4 อย่างนี้คือหัวใจที่จะทำให้สามารถเข้าใจในตัวแมวได้

“แมวไม่ใช่เกมกดที่คุณรู้สูตรแล้วจะเราจะเข้าใจเขาได้เลย ต้องให้เวลา ให้โอกาสเขา ท็อฟฟี่เป็นตัวอย่างที่ดีที่ให้เห็นว่าผมใช้ 4 อย่างนี้ทำให้เราเข้าใจเขา เขาเข้าใจเรา เพราะบางทีแค่ความรักมันไม่เพียงพอ ถ้าคุณมีรักอย่างเดียวแต่ไม่มีความรู้ คุณให้อาหารบางอย่างไปด้วยความรัก แต่เป็นอาหารที่เป็นพิษกับเขา เขาก็อาจจะตายได้”คุณไพฑูรย์ลูบหัวท็อฟฟี่ที่อยู่บนตักด้วยความเอ็นดู “ดังนั้นเวลามีความรักต้องมีความรู้ควบคู่กันไปด้วย และที่สำคัญที่สุดคือต้องมีความอดทน คนสมัยนี้มีความอดทนน้อย แต่แมวต้องใช้ความอดทนในการเข้าใจกัน แมวเหมือนกับเด็ก เขารักเราเพราะเราทำในสิ่งที่เขาชอบ ค่อยๆ เรียนรู้ว่าเขาชอบอะไร สังเกตพฤติกรรมเขา แล้วเราจะเข้าใจเขาเอง”

“ที่สำคัญคือผมไม่ชอบเรื่องดราม่าระหว่างการเลี้ยงแมวไทยกับแมวนอกเลย ขอแค่เลี้ยงแมวได้ดีและมีความรับผิดชอบก็เพียงพอแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องสนใจเลยว่าเป็นแมวไทยหรือแมวนอก เพราะแม้แต่ตัวแมวเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นแมวพันธุ์อะไร ขอแค่รักเขาให้มากๆ และควรให้โอกาสเวลาเขาทำผิดบ้าง เพราะเราเองก็เคยทำผิด และเราก็อยากได้โอกาสใช่ไหม”

ชีวิตและสายสัมพันที่คุณไพฑูรย์กับเหล่าแมวแฝดคนละฝาแสดงให้เราได้เห็นแล้วว่าขอเพียงแค่ใส่ใจกัน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และอดทนผ่านช่วงเวลาไม่ดีระหว่างกัน ถ้าเราทำได้เราน่าจะเข้าใจกันได้มากขึ้น

และเมื่อเราเข้าใจกันมากขึ้น…เราคงรักกันมากขึ้นกว่าที่เคย