เชื่อว่าหลายคนคงเคยวาดรูป
โดยเฉพาะตอนยังเป็นเด็กที่การขีดๆ เขียนๆ ลงไปในสมุดเรียนช่างเป็นสิ่งที่สนุกเสียเหลือเกิน แม้ว่าสุดท้ายแล้วภาพนั้นจะไม่ได้เรื่องเพียงไร เราก็ยังภาคภูมิใจไปกับมัน แต่เมื่อเราเติบโตขึ้น มีหลายสิ่งหลายอย่างเข้ามาและผ่านไป ก็ทำให้มีน้อยคนนักที่ยังคงจับดินสอปากกากลับมาวาดรูปอีก
หากแต่ศิลปินนักวาดภาพประกอบหญิงตรงหน้าของเรานี้ไม่ได้เป็นดั่งเช่นคนส่วนใหญ่ ตั้งแต่เด็กเธอได้วาดรูปด้วยแนวทางและสไตล์ของตนเองมาโดยตลอด จนทำให้ภาพวาดของเธอนั้นมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร คนส่วนมากมักคิดว่าภาพที่วาดโดยหญิงสาวนั้นมักเป็นภาพที่มีความอบอุ่นและอ่อนหวาน แต่สำหรับภาพของเธอคนนี้กลับเน้นโทนมืด มีกลิ่นอายของความลึกลับ และความหลอนแบบดาร์กๆ ราวกับเป็นดินแดนแห่งโลกสนธยาที่จะปรากฏขึ้นเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนเท่านั้น
หากให้แนะนำตัวอย่างย่นย่อ คุณฝ้าย-วรญา โชติกุล หรือนามปากกา Cotton Valent จบจากคณะดิจิตอลมีเดีย มหาวิทยาลัยรังสิต เคยมีผลงานร่วมกับนักวาดคนอื่นออกเป็นหนังสือ 2 เล่ม คือ Midnight Opera กับ In Your Sleep ของทางสำนักพิมพ์ Fullstop ปัจจุบันทำงานเป็นนักเขียนการ์ตูนและนักวาดภาพประกอบเต็มตัว ผลงานเมื่อเร็วๆ นี้ของเธอ คือ ภาพโปสเตอร์งานเทศกาลหนังของบราซิล วาดปกและภาพประกอบภายในเล่มหนังสือนิยาย Coraline ฉบับภาษาไทย ของ Neil Gaiman นักเขียนชื่อดังชาวอังกฤษ (ซึ่งทาง Neil Gaiman เห็นปกและภาพประกอบชุดนี้แล้วถึงกับเอ่ยปากชมว่าชอบมาก ขอให้ทางสำนักพิมพ์ในไทยช่วยทำเป็นโปสเตอร์ส่งไปให้เขาด้วย) รวมไปถึงกำลังทำเพจแมวบิน แฟนเพจการ์ตูนแมวตลกร้ายที่หลายคนชื่นชอบอีกด้วย
วรญา โชติกุล หรือในนามปากกา Cotton Valent เล่าให้เราฟังว่าตั้งแต่เด็กเธอเป็นคนที่ชื่นชอบการวาดรูปมาตลอด ตั้งแต่จำความได้ก็วาดมาตั้งแต่อนุบาลแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นคนที่ชอบหนังสยองขวัญ เรื่องน่ากลัวหลอนๆ ทำให้เธอค่อนข้างมีสไตล์การวาดเฉพาะตัวที่แตกต่างออกไป
“เริ่มต้นวาดรูปตั้งแต่ตอนอนุบาลเลยค่ะ จำได้เลยว่ารูปแรกๆ ที่วาดคือรูปสิงโต พอโตขึ้นก็รู้จักการ์ตูนญี่ปุ่นและติดงอมแงมมากเลยคือการ์ตูนสยองขวัญ อย่าง ชั่วโมงเรียนพิศวง ยิ่งตอนช่วงที่เพลย์ 1 และ 2 มา ยิ่งหนักเลย ได้เล่นเกมส์ผีขึ้นชื่อในยุคนั้นมาเกือบหมดแล้ว”คุณฝ้ายเล่าให้เราฟังอย่างสนุกสนาน “ส่วนตัวเป็นคนชอบอ่านเรื่องสยองขวัญมาก ด้วยสภาพการอ่านแบบนี้ และมีพื้นฐานชอบเรื่องหลอนๆ เป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว ก็เลยหล่อหลอมสไตล์การวาดมาเป็นแบบนี้เอง”
หากใครได้เคยเห็นภาพวาดฝีมือ Cotton Valent ซักครั้งแล้ว เชื่อว่าต้องสามารถจำได้อย่างแน่นอน ภาพวาดของคุณ Cotton Valent มักเป็นภาพโทนมืด ที่บอกเล่าเรื่องราวที่มีส่วนก้ำกึ่งระหว่างความลึกลับและความมนต์สเน่ห์ความงดงามบางอย่าง เหมือนดั่งการ์ตูนยาวเรื่อง Glitch และเรื่องราวในเพจแมวบิน ที่บางครั้งก็ช่างตลกร้าย บางครั้งก็ดูหลอนๆ แต่ก็ยังแฝงความเศร้าอยู่ในที
“Glitch ที่ตอนนี้เป็นเว็บคอมิกไปแล้วนั้น มีแรงบันดาลใจมาจากเกม Yume Nikki” คุณฝ้ายเล่าให้เราฟัง “เกมนี้มีจุดเด่นคือมันไม่ได้มีความเป็นผี แต่มันมีความน่ากลัวที่แฝงไปด้วยเศร้าอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราชอบมาก ส่วนเนื้อเรื่องและตัวละครนั้น ต้องบอกว่าโดยส่วนตัวตั้งแต่เด็กๆ ชอบอะไรที่ผิดธรรมชาติอยู่แล้ว เรื่องเหนือธรรมชาติ และรูปทรงแปลกๆ เลยนำความชอบส่วนนั้นมาต่อยอดจนกลายเป็นเรื่อง Glitch ออกมา”
นอกจากการ์ตูนยาวเรื่อง Glitch ที่ตอนนี้ได้มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองและกำลังอยู่ในกระบวนการแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้ว คุณฝ้ายยังมีผลงานเป็นเพจแมวบิน เพจการ์ตูนแมวที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย
“เพจแมวบินเกิดขึ้นจากที่เราอยากทำอะไรเป็นเรื่องราวสั้นๆ วาดง่ายๆ ที่ไม่ซีเรียสมาก ก็เลยคิดว่าวาดแมวดีกว่า ที่บ้านก็มีแมวเยอะด้วย ด้วยเหตุนี้เราก็เลยเปิดเพจแล้วก็วาดแมวและมุกแมวตลกๆ ขึ้นมา ปรากฏว่าวันเดียวยอดไลค์ขึ้นมา 3000 ก็รู้สึกตกใจนิดหน่อย”คุณฝ้ายหัวเราะ ซึ่งระหว่างการสัมภาษณ์ครั้งนี้คุณฝ้ายก็ได้วาดรูปแมวบินสดๆ ให้เราได้ชมกันอีกด้วย
“ด้วยความที่เราเป็นคนมีลายเส้นหลอนๆ แต่ตามปกติคนลายเส้นสไตล์นี้มักจะวาดแมวเป็นแมวสีดำและผอมๆ เก้งก้าง เราเลยสวนกระแสทุกอย่างเลยว่าจะวาดแมวสีขาวและตัวอ้วนๆ แทน ส่วนเรื่องบินได้นั้นมาจากที่เราอยากให้คาแรกเตอร์มีจุดเด่น ด้วยคอนเสปว่าแมวของเราจะลอยไปลอยมาด้วยท่าหมอบ เลยตัดสินใจใช้ชื่อว่าเป็นแมวบินก็แล้วกัน”
ด้วยความที่นักวาดสาวคนนี้อยู่ในวงการวาดภาพอย่างเต็มตัวจนถึงตอนนี้ ทำให้เราเกิดความอยากรู้ในใจบางอย่าง ซึ่งหากถามอย่างโรแมนติกแล้วคงเป็นคำถามที่ว่าสำหรับคุณฝ้ายแล้ว สิ่งสำคัญของการเป็นนักวาดคืออะไร
“คิดว่าแรงผลักดันและแรงบันดาลใจเป็นสิ่งสำคัญนะ เพราะถ้าเราไม่มี 2 สิ่งนี้เราคงไม่มีแรงที่จะทำ คำว่าแรงบันดาลใจนั้นคงไม่พ้นคือสิ่งที่เราอยากจะทำ อยากให้มีสิ่งนั้นเกิดขึ้น จึงเป็นสิ่งผลักดันให้เราทำขึ้นมาให้ได้ และเป็นนิสัยส่วนตัวด้วยว่าอะไรที่เราอยากให้มีแต่ไม่มี เราก็จะพยายามเขียนขึ้นมาแทน”คุณฝ้ายแทบจะตอบออกมาได้ทันทีที่เราถามจบ
“ความมีวินัยก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอทำให้เราพัฒนาตัวเองให้เร็ว ในแง่ของการทำงานความมีวินัยก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราสร้างผลงานได้อย่างราบรื่น บางครั้งเราเขียนเรื่องอะไรเรื่องหนึ่งแล้วเว้นไปนานก็จะเริ่มเกิดอาการต่อไม่ติด ไม่อยากเขียนขึ้นมา เหมือนกับว่าเราอินกับมันน้อยลง
หลังจากผ่านคำถามโรแมนติกอย่างเรื่องสิ่งสำคัญและแรงบันดาลใจไปแล้ว เราได้ตัดสินใจถามคำถามที่ไม่โรแมนติกบ้างเกี่ยวกับเรื่องชีวิตนักวาดและแนวทางการอยู่รอดของอาชีพสายนี้ในประเทศไทย ว่าเป็นอย่างไร และสามารถอยู่รอดได้หรือเปล่า
“เรื่องอยู่รอดหรือเปล่านี่ตอบยาก เพราะว่ามีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้องมาก ทั้งเรื่องลายเส้น แนวทางเรื่อง และตลาดที่รองรับ อย่างบางคนลายเส้นเหมาะกับการวาดการ์ตูนให้สำนักพิมพ์ก็สบายหน่อย งานบางคนเหมาะกับตลาดต่างประเทศ ก็ควรหางานที่ตอบรับกับสไตล์แบบนั้น”และเมื่อเราถามว่าถ้ามีอะไรอยากฝากถึงเด็กรุ่นใหม่ที่กำลังคิดอยากทำงานสายนี้ นักวาดสาวก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
“ก่อนอื่นต้องถามตัวเองให้มากๆ ก่อนว่าอยากทำจริงๆ หรือเปล่า เพราะบางคนคิดว่าอยากทำงานนี้เพราะมันสบาย ดูน่าสนุก เต็มไปด้วยความฝัน แต่เราต้องยอมรับว่าความฝันทำให้เราอิ่มท้องไม่ได้”คุณฝ้ายหัวเราะ “ถ้าตอบคำถามตัวเองได้แล้วว่าอยากทำจริงๆ พร้อมที่จะอยู่กับมันจริงๆ ก็ต้องหาตลาดตัวเองให้เจอ ว่าเราควรอยู่ในตลาดแบบไหน อย่างไร และเรียนในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตลาดนั้น”
คุณฝ้ายบอกว่าในมุมมองของเธอกับเพื่อนๆ นั้นคิดว่าอาชีพสายนี้ยังสามารถเติบโตได้ เพียงแต่ว่าอาจช้าหน่อย ซึ่งเธอคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 30 ปี เพราะงานด้านนี้ยังก้าวอย่างช้าๆ และคนซื้อที่ยังเป็นกลุ่มเล็กอยู่ ซึ่งคงต้องรอเวลาต่อไป
แต่ถึงจะต้องรอนานแค่ไหน คุณฝ้ายก็ยังยืนยันกับเราว่าจะยังคงทำงานด้านนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะวาดภาพประกอบหรือเขียนการ์ตูน เพราะทุกครั้งที่ได้ลงมือวาดคือความสุขของเธอ
“เราเป็นนักวาดนักเขียนการ์ตูน ความสุขของเราก็คือการเขียนการ์ตูน ถ่ายทอดความรู้สึกของเราลงในเนื้อเรื่องเพื่อสื่อไปให้ถึงผู้คน ถ้าจะพูดไปแล้วนั่นคงเป็นความสุขของเรา”
แม้ว่าหนทางของการเป็นนักวาดการ์ตูนและภาพประกอบอาจจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบไปเสียทั้งหมด กลับกันมันอาจมีทั้งก้อนหินและหลุมลึกรอเราอยู่ แต่ถ้าเรามีความมุ่งมั่นมากพอและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความยากลำบากแล้ว
บางที ณ ปลายทางที่รอคอยเราอยู่นั้น
อาจเป็นความสุขที่เรากำลังตามหาอยู่นั่นเอง