ในธรรมชาติแมวถือว่าเป็นสัตว์กินเนื้อเพียงอย่างเดียว ต่างจากสุนัขที่ถือว่าเป็นสัตว์ที่กินทั้งพืชและสัตว์ ดังนั้นแมวจึงแทบไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกินผักหรือผลไม้เลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้เองทำให้ลิ้นแมวถูกออกแบบมาเพื่อกินเนื้อสัตว์โดยเฉพาะ ถ้าเราสังเกตให้ดีที่ลิ้นแมวจะมีปุ่มหนามจำนวนมากเรียงกันอยู่เต็ม ซึ่งหนามเหล่านี้เองเป็นตัวการที่ทำให้เวลาแมวเลียเราแล้วจะรู้สึกสากๆ นั่นเอง
ปุ่มหนามที่ลิ้นแมวมีหน้าที่หลายอย่างทั้งคอยเลียเพื่อแล่เอาเนื้อที่ติดออกจากกระดูกได้โดยง่าย หรือคอยไว้ใช้เลียขนเพื่อกวาดเอาทั้งขนเสีย ขนตาย และสิ่งสกปรกต่างๆ ออกมา
นอกจากปุ่มหนามแล้ว ลิ้นแมวยังทำหน้าที่รับรสชาติอีกด้วย หลายคนเชื่อว่าแมวรับรสหวานไม่ได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วที่ลิ้นแมวมีต่อมรับรสหวานอยู่เพียงแต่มีน้อยมากจนทำให้รับรสหวานแทบไม่ได้เลย ซึ่งก็เหมาะสมกับธรรมชาติของแมวที่เป็นสัตว์กินเนื้อทำให้ไม่จำเป็นต้องรู้จักรสหวานนั่นเอง ซึ่งโดยปกติลิ้นแมวจะเน้นรับรสขม เปรี้ยว เค็ม เป็นหลัก
จมูกแมวก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจ แม้ว่าแมวจะไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ที่ดมกลิ่นได้เก่งเท่ากับสุนัข แต่จมูกแมวก็สามารถรับกลิ่นได้ดีมากและดีกว่าคนอย่างแน่นอน ที่โพรงจมูกของแมวเทียบกับขนาดตัวแล้วถือว่าใหญ่กว่าในมนุษย์ถึง 5 เท่า ทำให้รับกลิ่นได้ดีกว่า ทำให้แมวใช้ประสาทการดมในการแยกแยะว่าใครเป็นใคร รวมไปถึงใช้กลิ่นเพื่อสร้างอาณาเขตอีกด้วย
ถ้าใครเป็นคนช่างสังเกตจะพบว่าแมวนั้นเป็นสัตว์ที่ดมก่อนกินเสมอ เพราะกลิ่นเป็นตัวตัดสินใจสำหรับแมวว่าอาหารนั้นๆ น่ากินหรือไม่ ซึ่งส่งผลทำให้แมวมักชอบเลือกทานอะไรที่มีกลิ่นเข้มข้นเย้ายวนใจนั่นเอง