เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักตำนานเรื่องฮะจิโค หรือ ฮะจิ ยอดสุนัขผู้ซื่อสัตย์ดีอยู่แล้ว
ตลอดช่วงเวลา 10 ปี ฮะจิโคได้เฝ้ารอศาสตราจารย์ ดร.ฮิเดะซาบุโระ อุเอโนะ ที่สถานีรถไฟด้วยความหวังที่จะได้เห็นประตูรถไฟเปิดออกแล้วศาสตราจารย์ผู้เป็นเจ้านายเดินลงจากรถไฟกลับมาหาอีกครั้ง หากแต่ความฝันของฮะจิไม่เคยเป็นจริง เพราะศาสตราจารย์อุเอโนะได้เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยภาวะเลือดออกในสมองที่มหาวิทยาลัยทำให้ไม่สามารถกลับมาหาฮะจิได้อีก
ด้วยความซื่อสัตย์อันน่ายกย่องของฮะจิ ทำให้ได้มีการหล่อรูปปั้นขึ้นที่สถานีรถไฟชิบุยะ ณ จุดที่ฮะจิได้รอคอยเจ้านายมานานแสนนาน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ทำให้หนุ่มสาวนิยมกันไปสารภาพรักกันเบื้องหน้ารูปปั้นของฮะจิ ส่วนร่างของฮะจิปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติญี่ปุ่น
ฮะจินั้นเป็นสุนัขสายพันธุ์อะคิตะแท้ ซึ่งสุนัขอาคิตะแท้นั้นค่อนข้างหายากมากแม้ในประเทศญี่ปุ่นเองก็ตาม ว่ากันว่ามีสุนัขอาคิตะแท้ในสมัยนั้นเพียง 30 ตัวเท่านั้น ซึ่งฮะจิก็เป็นหนึ่งในนั้น และสาเหตุการตายของฮะจิน่าจะเกิดจากการที่มีพยาธิในหัวใจและตับร่วมกับการมีปัญหาในระบบทางเดินอาหารนั่นเอง
รูปปั้นของฮะจิในปัจจุบันไม่ใช่รูปปั้นเดิมที่ได้เคยสร้างขึ้นในยุคเริ่มแรก เพราะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีการนำรูปปั้นไปหลอมเพื่อสร้างเป็นอาวุธ และเมื่อสงครามจบลง ก็ได้มีการสร้างรูปปั้นของฮะจิขึ้นมาใหม่อีก โดยศิลปินผู้รับหน้าที่นี้คือ อันโดะ ทาเคชิ ผู้เป็นลูกชายของ อันโดะ เทรุ ผู้เป็นศิลปินที่ทำรูปปั้นของฮะจิอันแรกนั่นเอง
ในปี ค.ศ. 2015 ซึ่งถือว่าครบรอบ 80 ปีการจากไปของฮะจิ และครบรอบ 90 ปี การจากไปของศาสตราจารย์อุเอโนะ กลุ่มคนรักสุนัขและผู้ชื่นชมฮะจิได้ร่วมกันระดมทุนเพื่อสร้างรูปปั้นของฮะจิกับศาสตราจารย์ให้ได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง โดยรูปปั้นจะถูกวางที่ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยโตเกียว ซึ่งเป็นคณะที่ศาสตราจารย์อุเอโนะเคยทำงานเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่
ด้วยเหตุนี้หลังจากการเฝ้ารอคอยกว่า 90 ปี ในที่สุดฮะจิกับศาสตราจารย์อุเอโนะก็ได้พบกันอีกครั้ง
เป็นการพบกันครั้งสุดท้ายที่ไม่ต้องลาจากกันอีกแล้ว
ภาพตัวจริงของ Hachiko ที่สถานีรถไฟ
(เครดิตภาพ : matome.naver.jp)
ภาพอนุเสาวรีย์ของ Hachiko ที่สถานีรถไฟชิบุยะ อันเป็นจุดที่ Hachiko ได้รอคอยเจ้านายมันเสมอมา
(เครดิตภาพ : My Hideaway – WordPress.com)
ภาพอนุเสาวรีย์ใหม่ที่ Hachiko และ ศาสตราจารย์อุเอโนะได้มาพบกันอีกครั้ง อนุเสาวรีย์นี้ตั้งอยู่ที่คณะเกษตร มหาวิทยาลัยโตเกียว
(เครดิตภาพ : Time Out Tokyo(タイムアウト東京))