นุ่นกำลังเดินทางกลับบ้าน
ในโลกแห่งเมืองใหญ่ที่แม้จะมีผู้คนมากมายแต่ก็ไม่ต่างจากไม่มีใครเลยนั้น เธอกำลังอยู่บนรถไฟฟ้า ทิวทัศน์ที่มีเพียงตึกระฟ้ายามค่ำกำลังผ่านเลยไปอย่างรวดเร็ว เธอคิดว่าในตึกพวกนั้นคงบรรจุผู้คนไว้มากมาย แต่เมื่อเธอมองมันจากภายนอกเช่นนี้แล้วมันกลับเป็นเป็นเปลือกสีเทาที่ไร้ซึ่งชีวิตใดๆ
ในตึกที่ออกจะดูเย็นชาและน่ากลัว ผู้คนที่อยู่ข้างในนั้นกำลังมีความรู้สึกอย่างไรนะ
กำลังเหงาอยู่หรือเปล่า กำลังคิดถึงใครอยู่หรือเปล่า
แต่ตอนนี้ในรถไฟฟ้า นุ่นกำลังคิดถึงใครคนหนึ่งอยู่
เธอได้เจอกับเขาครั้งแรกเมื่อประมาณ 1 ปีก่อน ในบริษัทไอทีที่เธอทำอยู่นั้นเขาเป็นโปรแกรมเมอร์ ซึ่งต้องมาเกี่ยวข้องกับทีมวางแผนที่เธออยู่โดยตรง หลังจากที่ต้องประชุมงานด้วยกัน 2 – 3 ครั้ง เธอก็เริ่มรู้สึกว่าเขามีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ
เขาเป็นคนที่เหมือนเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ยิ้มแย้มอยู่เสมอ แต่ภายใต้ท่าทางเป็นมิตรของเขานั้นกลับมีบางแง่มุมที่เขาปิดบังไว้ เธอแอบเห็นว่าในยามว่างเขามักค้นหารูปทุ่งหญ้าในเว็บไซต์รวมภาพถ่ายเป็นประจำ แล้วในกระเป๋าสตางค์ของเขาก็มีรูปถ่ายแมวจรจัดสีน้ำตาลขาวที่เธอไม่รู้ความหมายติดอยู่เสมอ
หงิง หงิง
เสียงครางอย่างดีใจของ “โบอิ้ง” สุนัขพันธุ์เฟรนช์ บูลด็อก ดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของเธอ เธอกลับมาถึงหน้าห้องพักที่หอแล้ว ทุกครั้งที่มาถึงห้องพัก เจ้าโบอิ้งมักจะทำท่าทางดีใจเกินเหตุเสมอ นุ่นได้ยิ้มล้าๆ ด้วยความเหนื่อยจากการเดินทางก่อนที่จะอุ้มโบอิ้งที่กระดิกหางไม่หยุดมานั่งบนตักที่โซฟา
นุ่นมองหน้าตาที่ยังคงดีใจสุดขีดที่ได้เจอกับเธอพลางคิดว่าเธอได้เผลอทำหน้าตายังไงเมื่อได้พบกับเขากันนะ นุ่นรู้สึกสนใจในตัวเขามาซักพัก แต่ไม่ว่าจะพยายามพูดคุยหรือเข้าหาซักเท่าไหร่ แม้ว่าจะตอบรับอย่างใจดีเพียงไร แต่เขาก็ยังเว้นระยะห่างจากเธอเสมอ ดูเหมือนในห้วงลึกความคิดของเขากำลังมองหาอะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้จักอยู่
หงิง หงิง หงิง
โบอิ้งส่งเสียงครางอย่างมีความสุขจนเธอแอบอิจฉามันแทน นุ่นพยายามคิดว่าทำไมโบอิ้งถึงดีใจที่ได้พบเธอมากขนาดนั้นกันนะ
จะว่าไปแล้วเธอเคยได้ยินมาว่าเพราะอายุขัยสุนัขสั้นกว่าในมนุษย์ ถ้าเปรียบเทียบแล้ว 1 วันของมนุษย์นั้น เทียบเท่ากับ 1 สัปดาห์ในสุนัข ดังนั้นเป็นไปได้ไหมว่าการที่เธอไปทำงานในแต่ละวัน สำหรับเธออาจเป็นแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่สำหรับโบอิ้งแล้วคงรู้สึกเหมือนเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว
นั่นก็ไม่ต่างจากเธอเลย
สำหรับเธอที่รอคอยให้เขาหันกลับมา ในแต่ละวันที่ผ่านไปมันช่างยาวนาน เธอเองก็คงรู้สึกเหมือนกับเป็นโบอิ้ง ที่เวลาแห่งการรอคอยในแต่ละวันนั้นยืดยาวออกไปราวกับไร้ที่สิ้นสุด แต่เพียงพริบตากว่าเธอจะรู้ตัวเวลาก็ผ่านไปเป็นปีแล้ว
เธอควรรอเขาต่อไปอีกไหมนะ
หรือถึงเวลาที่จำต้องตัดใจ
โลกนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน เธอรู้ดีว่าต่อให้เลือกทางใดก็ล้วนแต่เจ็บปวดทั้งนั้น
นุ่นกอดสุนัขตัวน้อยไว้แนบตัว ในโลกแห่งการรอคอยคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้พบกันอีกครั้ง สำหรับโบอิ้งมันเองก็คงรอคอยเวลาที่ได้พบเธอในตอนเย็นทุกๆ วัน แต่สำหรับเธอแล้ว แม้จะได้พบกับเขาก็ไม่มีค่าอะไร เพราะในสายตาของเขาไม่เคยมีเธออยู่บนโลกใบนั้น
เธอได้แต่หวังจริงๆ ว่าซักวันหนึ่งเขาจะลองหันมองมาทางเธอบ้าง
.
ถ้ามันเป็นไปได้…เธอจะรอคอยวันนั้นมาถึง
ต่อให้นานแสนนานแค่ไหนก็ตาม
.
.
หมายเหตุ : เรื่องอายุของสุนัขเทียบกับคนและการรับรู้เวลาระหว่างการรอคอยเป็นแค่การเปรียบเปรยในเชิงการเขียนเท่านั้น ไม่ใช่ตามหลักวิชาการแต่อย่างใด