ชายหนุ่มไม่รู้ว่าควรทำหน้าอย่างไรดีเมื่อพบกับเธอ
ในงานแต่งงานที่จัดอย่างสวยงามและอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรักหวานชื่น ชายหนุ่มกำลังลังเลที่จะเดินเข้าไปในงาน การ์ดเชิญสีชมพูที่ถืออยู่ในมือถูกจับเสียแน่นราวกับบ่งบอกความกังวลของเจ้าตัว
ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องมาเลยก็ได้ ตั้งแต่ที่ได้จากกันตอนมอต้นนั้น พวกเขายังคงติดต่อหากันบ้างในตอนแรกๆ ทั้งส่งจดหมายและโทรหากัน ก่อนที่การติดต่อจะค่อยๆ เว้นช่องว่างนานขึ้น ห่างขึ้น จนในที่สุดเขาเลิกที่จะรอคอยการติดต่อกลับมาจากเธออีก
แม้ในตอนนี้เทคโนโลยีจะมาไกลจนถ้าเขาต้องการจริงๆ ก็สามารถติดต่อเธอได้ไม่ยาก แต่นั่นมันก็คงสายไปแล้ว
แล้วเขามาที่นี่ทำไมกันนะ
“นี่…..”
ชายหนุ่มกำลังจะหันหลังกลับอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกดังขึ้น เสียงที่เขาไม่ได้ยินจากหูตัวเองมาเกือบสิบปีแล้ว เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง เมื่อเด็กสาวในวันนั้นได้กลายมาเป็นเจ้าสาวในชุดสีขาวรุ่มร่ามกำลังเดินตรงมาทางเขา ผมเธอยังคงสั้นอยู่เหมือนเดิม แต่เป็นทรงคนละแบบกับในความทรงจำของเขา
แต่บางอย่างในตัวเธอยังชวนให้เขานึกถึงเด็กสาวคนเดิมที่ชอบอยู่กับเขาหลังเลิกเรียน
“ไม่ได้เจอกันตั้งนานแน่ะ ดีใจจังที่นายมาด้วย นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”เธอพูดด้วยรอยยิ้มสดใส ราวกับว่าจะถมช่องว่างนับสิบปีที่พวกเขาไม่ได้พบกันให้หายไปในพริบตา
“จะไม่มาได้ยังไง งานแต่งงานของเธอเชียวนะ”ชายหนุ่มยิ้มตอบกลับไป “ดีใจด้วยนะ”
พริบตานั้นแววตาของหญิงสาวกลับสั่นไหว เธอทำท่าเหมือนกับว่าอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ส่วนเขาที่กำลังจะอ้าปากถามก็มีแขกผู้ใหญ่อีกชุดหนึ่งเข้ามาพอดีทำให้เป็นการจบบทสนทนาระหว่างเขาสองคนไปโดยปริยาย
งานพิธีที่เหลือนั้นเริ่มต้นและจบลงอย่างเรียบง่ายด้วยรอยยิ้มที่หวานชื่นของคู่เจ้าบ่าวเจ้าสาว นั่นยิ่งทำให้เขารู้ตัวว่าไม่ว่าจะพยายามซักเท่าไหร่เขาก็ไม่มีทางทำให้เธอยิ้มอย่างดงามแบบนี้ออกมาได้แน่ๆ
ชายหนุ่มทอดถอนลมหายใจเบาๆ ก่อนที่จะหันหลังกลับออกจากงานพร้อมกับแขกเหรื่อที่ทยอยกลับกันแล้วเช่นกัน
“จะกลับแล้วเหรอ”
เจ้าสาวในงานเอ่ยปากทักขึ้น ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับง่ายๆ
“พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า คงต้องขอกลับก่อน”
พริบตานั้นความเงียบได้ปกคลุมระหว่างเขาสองคน ก่อนที่หญิงสาวจะตัดสินใจพูดขึ้น
“ขอบคุณมากนะ”
คำพูดนั้นราวกับได้รวมทุกความรู้สึกในช่วงสิบปีที่พวกเขาไมได้เจอกันเพื่อกลั่นออกมาเป็นเพียงคำไม่กี่คำนี้ เขาคิดว่าต่อจากนี้ไปไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหนก็คงไม่มีทางได้ยินคำขอบคุณที่จริงใจและเปี่ยมความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว
“สำหรับที่มาวันนี้น่ะเหรอ”ชายหนุ่มถาม
แววตาของหญิงสาวไหววูบ พริบตานั้นเขารู้สึกเหมือนเธอได้กลับไปเป็นเด็กสาวที่เขาคุ้นเคยเมื่อในอดีตเพียงชั่วพริบตาก่อนที่เธอจะยิ้มออกมาอีกครั้ง
“สำหรับทุกเรื่องนั่นแหละ”
ชายหนุ่มได้แต่เพียงยิ้มตอบอย่างจริงใจก่อนโบกมือลา บางทีนี่คงเป็นจุดสิ้นสุดคำสัญญาของพวกเขา
มันก็เพียงแค่เท่านี้…..ไม่มีอะไรที่ต้องติดค้างในใจอีกต่อไปแล้ว
.
ภายนอกโรงแรมที่จัดงาน ชายหนุ่มยืนมองท้องฟ้ายามราตรีสีดำดวงดาวประดับประดา เขาคิดว่าไม่ได้หูแว่วที่ยินเสียงแมวร้องเบาๆ เมื่อหันไปดูก็พบกับแมวจรจัดลายสีขาวน้ำตาลที่เหมือนกับแมวที่อยู่ในสวนโรงเรียนสมัยก่อนไม่ผิดเพี้ยนกำลังเดินป้วนเปี้ยนมาทางเขา
แม้แต่แกเองก็มายินดีกับเธอด้วยเหมือนกันสินะ
บางทีนี่อาจเป็นลูกหลานของแมวที่เขารู้จักในวันนั้นก็ได้ ชายหนุ่มมองมันด้วยสายตาที่อ่อนโยน พอเขาลองยื่นมือไปหา มันก็เดินตรงมาคลอเคลียอย่างว่าง่าย ไม่ต่างไปจากในความทรงจำของเขาเลยแม้แต่น้อย
ถ้านี่เป็นโชคชะตา ก็คงเป็นโชคชะตาที่บังเอิญเหลือเกิน
ชายหนุ่มอุ้มมันขึ้นมา มันไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืนเลยซักนิด เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเลี้ยงมันเอง
จากนี้…ไม่ว่าจะเรื่องสุขหรือเรื่องเศร้าที่เคยผ่านมา เขาจะเก็บทุกความทรงจำเอาไว้
แล้วมีชีวิตอยู่ต่อไป…โดยที่ไม่ลืมเธอ