“เราไม่เคยเจอสุนัขลากเลื่อนแบบนี้มาก่อน”
เหล่าพ่อค้าจากทวีปอเมริกาที่มาติดต่อการค้าในแถบไซบีเรีย เมื่อได้พบกับเหล่าไซบีเรียน ฮัสกี้ สุนัขประจำเผ่าชาว Chukchi เป็นครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจในความแข็งแรงและทนทานต่อความหนาวเป็นอย่างมาก พวกเขารู้สึกได้ในทันทีว่านี่ต้องเป็นสุนัขสายพันธุ์นี้ต้องเป็นสุนัขลากเลื่อนที่ไม่เคยมีมาก่อนแน่ๆ พวกเขาจึงตัดสินใจพาสุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้ กลับไปที่ทวีปอเมริกาด้วยกัน
ในตอนแรกสุนัขพันธุ์นี้ไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ ซึ่งชื่อ “ไซบีเรียน ฮัสกี้” ที่เรารู้จักกันก็ถูกตั้งขึ้นเมื่อตอนที่สุนัขพันธุ์นี้มาถึงที่ทวีปอเมริกานั่นเอง
ความสามารถในการเป็นสุดยอดสุนัขลากเลื่อนของเหล่าไซบีเรียน ฮัสกี้ เริ่มฉายแววเมื่อเริ่มการแข่งขัน Alaska Sweepstakes Race ในปี 1909 ซึ่งเป็นทีมสุนัขลากเลื่อนที่เป็นไซบีเรียน ฮัสกี้ ทีมแรกในประวัติศาสตร์ จากนั้นก็ได้มีการนำเข้าไซบีเรียน ฮัสกี้อีกจำนวนมากสู่ทวีปอเมริกา จนในที่สุดทีมไซบีเรียน ฮัสกี้ ลากเลื่อนที่นำโดย John “Iron Man” Johnson ก็ได้ชนะการแข่งขันการลากเลื่อนระยะทาง 400 ไมล์ ในปี ค.ศ.1910 เป็นผลสำเร็จ
จากนั้นอีกไม่นาน ด้วยฝีมือการนำโดย Leonhard Seppala และฝูงไซบีเรียน ฮัสกี้ลากเลื่อนของเขาก็ได้สร้างตำนานไร้พ่ายโดยการเอาชนะเกือบทุกการแข่งขันที่จัดแข่งขึ้นในอลาสก้า ทำให้ชื่อเสียงในฐานะสุนัขลากเลื่อนของไซบีเรียน ฮัสกี้ก็ได้โด่งดังมาตั้งแต่ตอนนี้
แต่วีรกรรมที่โด่งดังที่สุดของไซบีเรียน ฮัสกี้ คือการสร้างตำนานวิ่งลากเลื่อนส่งเซรุ่มรักษาโรคคอตีบให้แก่ชาวเมืองโนม ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “Great Race of Mercy” โดยผู้บังคับเลื่อนคือ Leonhard Seppala คนเดิม ทั้งเขาและฝูงไซบีเรียน ฮัสกี้คู่ใจ นำโดยสุนัขที่ชื่อว่า Togo เป็นทีมที่รับช่วงผลัดที่ 2 ซึ่งเป็นผลัดที่ต้องวิ่งขนส่งเซรุ่มด้วยระยะทางกว่า 273 กิโลเมตร โดยทีมนี้ถือว่าเป็นทีมที่วิ่งไกลและวิ่งเร็วที่สุดด้วยจากทั้งหมด 3 ทีมที่วิ่งขนส่งเซรุ่มอีกด้วย
ภารกิจนี้ทำให้สุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้และความอดทนต่อสภาวะอากาศติดลบอันแสนเลวร้าย ไม่ว่าจะเป็นการแข่งหรือภารกิจใด ไซบีเรียน ฮัสกี้จะไม่แพ้
ไม่สิ….พวกมันไม่เคยยอมแพ้ต่างหาก
