ใครจะเชื่อว่าสุนัขตัวจิ๋วที่ได้ชื่อว่าเป็นสุนัขที่ตัวเล็กที่สุดในโลกนี้….มีความเกี่ยวข้องกับชาวมายา
ถ้าจะเล่าถึงเรื่องนี้ เราขอพาทุกท่านย้อนไปเมื่อสมัยก่อนคริสตกาล ในอารยธรรมอันเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลกที่ทวีปอเมริกาใต้ นั่นคือยุคแห่งชนเผ่ามายาและชนเผ่า Toltec ผู้ถือครองดินแดนแถบประเทศเม็กซิโก และเป็นเจ้าของพีระมิดขั้นบันได “Chichen Itza” 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ใครจะรู้ว่าสิ่งที่รวมอยู่ในซากปรักหักพังแห่งอารายธรรมเหล่านี้ จะมีภาพสลักและภาพเขียนของสุนัขพันธุ์ชิวาว่ารวมอยู่ด้วย
ว่ากันว่าพวกมันสืบเชื้อสายมาจากสุนัขพันธุ์ Techichi อันเป็นสัตว์เลี้ยงของชนพื้นเมืองโบราณทั้งชาวมายา, Toltec และ Aztec พวกเขาเชื่อว่าพวกมันเป็นผู้พิทักษ์ร่างคนตาย และมักนำพวกมันฝังรวมกับร่างของมนุษย์ รวมทั้งมีการใช้สุนัขพันธุ์นี้เพื่อบูชายัญเทพเจ้าอีกด้วย มีข้อสันนิษฐานว่าสุนัขพันธุ์ชิวาว่าอาจจะมีส่วนผสมสายพันธุ์มาจาก Chinese Crested ที่เดินทางข้ามโพ้นทะเลจากจีนมาสู่แผ่นดินอเมริกาผ่านทางช่องแคบ Bering ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าเจ้าสุนัขตัวจิ๋วสายพันธุ์นี้ มีบรรพบุรุษเก่าแก่ยาวนานตั้งแต่ก่อนที่พระเยซูประสูติเสียอีก
ถึงกระนั้น ก็ยังมีบางหลักฐานจากทางฝั่งยุโรป ที่พระราชวัง Apostolic นครรัฐวาติกัน มีภาพเขียนสีบนผนังปูน (Fresco) เขียนขึ้นราวปี ค.ศ.1482 โดยศิลปินชาวอิตาลีในยุคเรเนสซองก์ชื่อ Sandro Botticelli ประดับอยู่บนกำแพงโบสถ์ Sistine Chapel ทางฝั่งทิศใต้ ชื่อภาพว่า “The Trials and Calling of Moses” ก็มีรูปของสุนัขรูปร่างหน้าตาคล้ายชิวาว่ารวมอยู่ด้วย แต่จากหลักฐานทางพันธุศาสตร์ที่ค้นพบในปัจจุบัน สามารถระบุบ่งชี้ได้แล้วว่าพวกมันมีดีเอ็นเอจำเพาะที่พบได้ในแถบแม็กซิโกยุคโบราณจริงๆ และอาจจะได้เดินทางมายังยุโรปในยุคแห่งการค้นพบแผ่นดินใหม่ของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นี่เอง เพราะในจดหมายที่นักสำรวจชื่อดังท่านนี้เขียนถึงกษัตริย์สเปน ก็มีการกล่าวถึงสุนัขชิวาว่าเอาไว้ด้วย
น่าแปลกที่ไม่ว่ายุคสมัยใด ชิวาว่าก็ยังคงเป็นขวัญใจของบรรดาผู้อยู่อาศัยในสังคมเมืองไม่เสื่อมคลาย เพราะขนาดตัวที่เล็กกะทัดรัด พวกมันจึงสามารถปรับตัวเข้ากับการเลี้ยงในพื้นที่จำกัดได้ แต่ทว่าพวกมันก็มีนิสัยรักพวกพ้อง นิยมชมชอบเฉพาะกับสุนัขสายพันธุ์เดียวกันเท่านั้น แถมยังไม่ค่อยเป็นมิตรกับเด็กเล็กๆ สักเท่าไหร่ และเพราะมีต้นกำเนิดห่างไกลถึงในประเทศเม็กซิโก เลยทำให้พวกมันสามารถปรับตัวให้คุ้นชินกับสภาพอากาศร้อนอย่างเมืองไทยได้ค่อนข้างดี
ซึ่งตรงกับที่คนเลี้ยงชิวาว่าหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสุนัขพันธุ์นี้มีงานอดิเรกคือชอบนอนอาบแดดอยู่เป็นประจำ