ใครๆ ก็ไม่อยากเสียภาษี
ดังนั้นคงไม่ต้องพูดถึงเจ้าหน้าที่สรรพากรหรือนักเก็บภาษีในสมัยก่อนที่ยังต้องเคาะประตูเก็บภาษีตามบ้านเลยว่าจะถูกเหม็นขี้หน้าขนาดไหน
หากเราย้อนกลับไปที่เมืองเล็กๆ ที่ชื่อ Apolda ในเขตประเทศเยอรมัน เมื่อสมัยปี ค.ศ.1890 ถ้าเอ่ยนามว่า “Dobermann” ขึ้นมา ชาวบ้านที่นั่นจะรู้ได้ในทันที เพราะมันคือชื่อของนาย Louis Dobermann ผู้ทำหน้าที่ตามเก็บภาษีอากรจากชาวบ้านในเมือง ซึ่งในยุคสมัยนั้นเป็นที่แน่นอนว่าเป็นงานที่สุ่มเสี่ยงต่อการประทุษร้ายอยู่พอควร เขาจึงมักมีเพื่อนคู่ใจและผู้คุ้มภัยเป็นสุนัขตัวหนึ่ง รูปร่างสูงโปร่งกำยำ ที่แค่มองแวบแรกก็สร้างความครั่นคร้ามในใจของใครหลายๆ คนไปแล้ว
อีกทั้งมันยังว่องไว ฉลาด ซื่อสัตย์ และจงรักภักดี จึงนับว่าเขาคิดไม่ผิดที่เลือกไว้ใจเจ้าเพื่อนซี้ 4 ขาสายพันธุ์นี้ให้มาเดินเคียงข้างกาย จนกระทั่ง ชื่อ “Doberman” ได้กลายมาเป็นที่รู้จักในฐานะชื่อสายพันธุ์สุนัขที่เคยให้การอารักขานายสรรพากร ผู้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ.1894 และต่อท้ายชื่อสายพันธุ์ด้วยคำว่า ”Pinscher” ซึ่งเป็นคำในภาษาเยอรมันแปลตรงกับคำว่า “terrier”
ทว่าภายในไม่กี่ปีหลังจากนั้นก็มีสุนัขสายพันธุ์อื่นๆ เกิดขึ้นมาในประเทศเยอรมันอีกมากมาย และต่างก็มีคำว่า ”Pinscher” ต่อท้ายเหมือนๆ กัน จนเกรงว่าอาจก่อให้เกิดความสับสนได้ เพราะพวกมันไม่ได้เกี่ยวดองเป็นญาติกันแต่อย่างใด ดังนั้นคำต่อท้าย ”Pinscher” ปัจจุบันจึงมีเพียงในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนนาดาเท่านั้นที่ยังใช้เรียกอยู่
Domerman Pinscher เป็นหนึ่งในตัวอย่างสุนัขที่เกิดมาจากส่วนผสมของหลากหลายสายพันธุ์ โดยที่ไม่มีการบันทึกเอาไว้ชัดเจน แต่สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากสุนัข 2 สายพันธุ์จากเกาะอังกฤษ คือ Black and Tan Manchester Terrier และ Black English Greyhound รวมกับอีก 2 สายพันธุ์จากประเทศเยอรมัน คือ Old German Shepherd (ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปแล้ว) และ German Pinscher (ต้นตระกูลของสุนัขพันธุ์ Rottweiler และ Weimaraner) จนได้ออกมาเป็นรูปร่างหน้าตาอย่างที่เห็น ซึ่งตามมาตรฐานสายพันธุ์แล้ว Doberman มีรูปแบบสีขนถึง 4 สี คือ black, blue, red และ fawn (หรือ Isabella)
แต่ต่อให้ภายนอกจะดูน่าเกรงขามอย่างไร ความจริงแล้ว Doberman (ที่เป็นสายพันธุ์แท้ในสมัยใหม่นี้) ก็มีความเป็นมิตรและอ่อนโยนต่อเด็กและทุกคนในครอบครัว อีกทั้งมันยังซื่อสัตย์และพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งได้อย่างดี ถึงขนาดที่เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เหล่าสุนัข Doberman ผู้กล้าทั้ง 25 ตัว ได้สร้างวีรกรรมปกป้องหน่วยทหารราชนาวีอเมริกัน จนได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ชื่อ “Always Faithful” ขึ้น ณ เกาะกวม ในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในอาณาเขตครอบครองของอเมริกา
เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าสุนัขสายพันธุ์นี้ “ไม่ว่าอย่างไรก็จะจงรักภักดีเสมอ” นั่นเอง