ชาวจีนน่าจะเป็นหนึ่งในชนชาตินักเดินเรือผู้เก่งกาจที่สุดในโลก
เพราะตั้งแต่สมัยปลายศตวรรศที่ 8 พ่อค้าชาวจีนก็ได้แล่นสำเภาไปเทียบท่าแอฟริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสิ่งหนึ่งที่พวกเขานำกลับมาด้วย ก็คือสุนัขพันธุ์ไร้ขนของแอฟริกา กระทั่งชาวจีนได้พัฒนาสายพันธุ์ให้มีขนาดตัวเล็กลง และตั้งชื่อให้ว่า “Chinese Crested” นั่นเอง
สุนัขพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักดีในชุมชนแถบท่าเรือและเมืองท่าทั่วโลก เรียกได้ว่าน่านน้ำใดที่สำเภาจีนแล่นใบไปถึง พวกมันก็ติดสอยห้อยตามไปด้วย นั่นก็เพราะชาวจีนเล็งเห็นถึงประโยชน์ของสุนัขที่ไม่มีขนสายพันธุ์นี้ ที่พวกมันมักจะไม่มีปัญหาเห็บหมัดมารบกวนให้วุ่นวาย แถมยังช่วยไล่จับหนูที่อยู่บนเรือ ที่อาจจะนำปรสิตหรือโรคร้ายอื่นๆ ตามมาได้ ซึ่งเป็นประโยชน์มากในยุควิกฤตการณ์กาฬโรคระบาดในยุโรปและเอเชียกลาง เมื่อราวปี ค.ศ.1346-1353 ที่ได้คร่าชีวิตมนุษย์ไปกว่า 100 ล้านคน โดยโรคนี้มีหนูและหมัดหนูเป็นพาหะหลัก สุนัขพันธุ์นี้จึงมีประโยชน์ต่อเหล่าลูกเรือในการลดความเสี่ยงของโรคนี้ที่จะเกิดขึ้นเพราะพวกมันคอยล่าและจับหนูที่อยู่บนเรือให้นั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานจากทางฝั่งยุโรป ภาพพระเยซูถูกตรึงไม้กางเขนที่วาดขึ้นโดย Gerrard Devid ศิลปินชาวเนเธอแลนด์ในยุคเรเนซองส์ ที่มุมขวาล่างของภาพ ก็ปรากฎสุนัขตัวเล็กที่รูปร่างหน้าตาเหมือน Chinese Crested ไม่มีผิดอีกด้วย
อันที่จริงแล้ว สุนัขพันธุ์ Chinese Crested มีรูปแบบขน 2 ประเภท ประเภทแรกคือ Hairless บริเวณลำตัวจะไม่มีขน แต่จะมีเพียงที่ตำแหน่งศีรษะ ปลายหาง และข้อเท้าทั้งสี่ ส่วนอีกประเภทคือ Powderpuff จะมีขนเรียบยาว 2 ชั้นปกคลุมทั้งตัว และมีรูปแบบสีขนหลากหลายได้ถึง 20 แบบสี พวกมันเป็นหนึ่งในสุนัขที่ร่าเริงและกระฉับกระเฉง อีกทั้งสามารถฝึกให้ทำตามคำสั่งได้ไม่ยากเย็น เราจึงมักเห็น Chinese Crested ตามเวทีประกวดสุนัขต่างๆ กระทั่งในปี ค.ศ.1991 พวกมันก็ได้รับการขึ้นทะเบียนสายพันธุ์อย่างเป็นทางการโดย The American Kennel Club หรือ AKC
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ด้วยรูปลักษณ์ที่แสนแปลกตา ทำให้พวกมันมักได้รับเลือกจากการประกวด “World’s Ugliest Dog” หรือสุนัขที่อัปลักษณ์ที่สุดในโลกให้เป็นแชมป์ในหลายๆ สมัยอีกด้วย