ชิบะ เป็นสายพันธุ์สุนัขเก่าแก่ที่อยู่คู่กับชาวญี่ปุ่นมานานหลายศตวรรษ
แต่ทว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เกือบกลายเป็นจุดพลิกผันของสายพันธุ์สุนัขญี่ปุ่นที่เก่าแก่นี้ ผลพวงของการทำลายล้างของสงครามนั้นส่งผลให้ชิบะเกือบจะสูญพันธุ์ลง จำนวนของมันลดลงไปมากเสียจนน่าใจหาย และสุนัขส่วนใหญ่ที่รอดตายในช่วงหลังสงครามนั้นก็จะมีความดุร้ายและกราดเกรี้ยว เนื่องจากได้ซึมซับประสบการณ์ที่เลวร้ายจากสงครามมา
ภายหลังสงคราม ชิบะได้ถูกนำไปอยู่ในชนบทห่างไกลเพื่อฟื้นฟูสายพันธุ์พวกมันขึ้นมาใหม่ แต่เดิมชิบะมี 3 สายพันธุ์ นั่นก็คือ Shinshu Shiba, Sanin Shiba และ Mino Shiba และในทศวรรษที่ 1950 ก็ได้มีการผสมข้ามสายพันธุ์เกิดขึ้นเพื่อรักษาสายพันธุ์นี้ให้อยู่คงต่อไปจนกลายมาเป็นชิบะที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้
เดิมทีสุนัขสายพันธุ์นี้ถูกเพาะพันธุ์สำหรับล่านกและใช้ในเกมเล็กๆ บางครั้งก็ถูกใช้เพื่อล่าหมูป่า เป็น 1 ใน 6 สายพันธุ์พื้นเมืองของญี่ปุ่น ซึ่งประกอบไปด้วยสายพันธุ์ขนาดใหญ่ คือ อากิตะ สายพันธุ์ขนาดกลาง คือ คิชุ, ฮอกไกโด, ไก และไซโกะ ส่วนสายพันธุ์ขนาดเล็ก คือ ชิบะ โดยชิบะมีน้ำหนักประมาณ 9 กิโลกรัม แข็งแรงล่ำสันคล้ายกับนักรบนินจา สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว คล่องแคล่ว อีกทั้งมันยังกระตืนรือร้นและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
ในญี่ปุ่นมี 3 คำที่บรรยายถึงลักษณะของสุนัขชิบะนั่นก็คือ kaani-i (กล้าหาญกล้าได้กล้าเสีย), ryosei (เป็นธรรมชาติ) และ soboku (มีความตื่นตัว) ซึ่งนี่เป็นความผสมผสานที่ลงตัวทั้งเอาใจใส่ ฉลาด และนิสัยที่หนักแน่นของพวกมัน
ส่วนที่มาของชื่อชิบะนั้น เชื่อกันว่ามีอยู่หลายทฤษฎี คำอธิบายแรกก็คือ “ชิบะ” มีความหมายว่าพุ่มไม้ต่ำ สุนัขเหล่านี้ถูกตั้งชื่อจากพุ่มไม้ที่มันล่าเหยื่อ อีกทฤษฎีคือสีแดงคล้ายเปลวไฟของมันเหมือนกับสีของฤดูใบไม้ร่วง และทฤษฎีสุดท้ายคือชิบะหมายถึงขนาดตัวที่เล็กของพวกมันนั่นเอง
สมาคมสุนัขญี่ปุ่นก่อตั้งเมื่อ ปี ค.ศ.1948 และมาตรฐานของพันธุ์ Shiba Inu ถูกกำหนดเกณฑ์โดย Nihon Ken Hozonkai ซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยทั้งสองสโมสรสุนัขญี่ปุ่นและ Federation Cynologique Internationale ส่วนของชื่อ ชิบะ อินุ (Shiba Inu) ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการในญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1920 นอกจากนี้ชิบะได้รับการยอมรับว่าเป็นสุนัขประจำชาติของญี่ปุ่น และได้ถูกประกาศให้เป็นสมบัติของชาติในปี ค.ศ.1963 อีกด้วย
สงครามโลกครั้งที่ 2 ล้วนแต่ทิ้งรอยบาดแผลให้กับผู้คนทุกชาติอย่างเท่าเทียม มันคงจะดีกว่าถ้าเราเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ที่โหดร้ายเพื่อที่จะยับยั้งและก้าวข้ามไปสู่โลกใหม่ที่ดีกว่า
เช่นเดียวกับชิบะ ที่ได้ยืนหยัดหลังรอยบาดแผลของสงครามได้อย่างงามสง่าและน่าภาคภูมิ