ในวันอาทิตย์ธรรมดา แดดส่องแสงร้อนแรง และอากาศไม่ได้แปรปรวนไปกว่าทุกวัน เสียงโทรศัพท์มือถือดังเล็ดลอดมาจากที่ไหนสักแห่งระหว่างที่ผมกำลังตากผ้า ผมควานหารอบตัวแต่ไม่เจอ ก็เลยพอจะอนุมานได้ว่าน่าจะลืมวางไว้ในบ้าน
คูนิโอะ สุนัขชิบะอินุวัย 3 ขวบ ส่งเสียงอย่างเป็นจังหวะ วิ่งวนอยู่รอบๆ ตัวผม ราวกับจะโชว์ความแสนรู้ของมันด้วยการมาตามเจ้านายไปรับโทรศัพท์ ผมเลือกที่จะตากผ้าที่เหลือให้เรียบร้อยก่อนจะเดินไปหาต้นตอของเสียง เพราะไม่คิดว่าวันอาทิตย์แบบนี้จะมีเรื่องด่วนหรือธุระอะไร
โทรศัพท์ถูกทิ้งไว้หลังตู้เย็น กว่าผมจะหาเจอก็ใช้เวลาหารอบบ้านเกือบสิบนาที โดยมีคูนิโอะวิ่งไปทั่วบ้านเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ช่วยหาเท่าใดนัก ผมคว้ามือถือมาไว้ในมือ บนหน้าจอแสดงสายวิดีโอคอลไม่ได้รับจากผู้หญิงคนหนึ่ง…ระหว่างที่กำลังชั่งใจว่าจะโทรกลับหรือไม่ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เป็นวิดีโอคอลจากผู้หญิงคนเดิม
ผมใช้เวลาห้าวินาทีในการกดรับสาย ใบหน้าของเธอปรากฏขึ้นบนจอ ทุกอย่างที่ประกอบเป็นเธอยังคงเหมือนเดิม เว้นเสียแต่ว่าเธอดูอิดโรยและไม่ได้แต่งหน้า เรามองหน้ากันผ่านเครื่องมือสื่อสารในมือ ความเงียบแสนสั้นก่อนเริ่มบทสนทนากลับเล่นงานผมเสียจนกระอักกระอ่วน
เราสองคนเคยเป็นคู่ชีวิตกัน
ผมกับโทโมะรู้จักกันได้ราวสี่ปีแล้ว เราพบรักกันเงียบๆ ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยศิลปะในจังหวัดชิบะ เธอเป็นผู้หญิงอารมณ์ดี ชอบเดินทาง ผมเดินทางไปด้วยกันกับเธอแทบจะรอบโลก ก่อนจะตัดสินใจมาแต่งงานใช้ชีวิตคู่กันที่เมืองไทย การปรับตัวเข้ากับประเทศนี้ในช่วงแรกก็เป็นเรื่องลำบากเอาเรื่อง
เธอบอกว่าเข้าใจความรู้สึกของผมตอนไปเรียนที่ญี่ปุ่นใหม่ๆแล้ว ผมได้แต่ยิ้มตอบ วันที่เก็บของย้ายจากห้องเช่าเล็กๆมาที่บ้านผมที่นี่ เธอพาคูนิโอะมาด้วย มันเป็นชิบะอินุที่เธอซื้อมาเลี้ยงหลังจากเราคบหากันจริงๆจัง ปกติแล้วในระหว่างที่เธอเดินทางท่องเที่ยว เธอจะฝากร้านรับดูแลเอาไว้ แต่เมื่อตัดสินใจย้ายมาอยู่นี่ ก็เลยต้องขนมันมาด้วย และก็เป็นเรื่องใหญ่จริงๆเมื่อดันเป็นเวลาใกล้เคียงกับการแต่งงาน เรายุ่งยากกันมากตอนต้องทำเอกสารนำสัตว์เลี้ยงเข้าประเทศไปพร้อมๆกับเตรียมงานพิธีวิวาห์ไปด้วย ตอนมาถึงที่นี่คูนิโอะยังตัวเล็กกว่านี้มาก
โทโมะแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ตอนมันถูกลำเลียงใต้เครื่องบินไปกับสัมภาระและสัตว์ตัวอื่น เธอเอาแต่พูดถึงมันตลอดทาง ไม่รู้ว่ากรงของมันจะเป็นแบบไหน อากาศจะเป็นอย่างไร มันจะตกใจกลัวหรือเปล่า แต่แล้วมันก็ลงมาประเทศไทยได้อย่างปลอดภัย
ตอนนี้คูนิโอะตัวใหญ่กว่าจะอุ้มเล่นได้ ผมลากคูนิโอะมาให้อยู่ที่หน้าจอ เจ้าหมาจ้องเธอตาเขม็ง โทโมะยิ้มตอบและโบกมือทักทาย เธอคุยกับมันอย่างออกรสเหมือนเพื่อนที่ไม่ได้เจอมานาน ผมไม่แน่ใจว่าสุนัขจะรู้จักวิดีโอคอลรึเปล่า จะเอะใจบ้างไหมว่าทำไมโทโมะถึงไม่ได้อยู่กับมันที่นี่ แต่กลับมีหน้าและเสียงของเธออยู่ในโทรศัพท์
“คูนิโอะอยู่ได้ไหม” เธอถาม
“ก็แข็งแรงดีนะ” ผมตอบพลางเอามือขยี้หัวมัน
เราไม่ได้คุยกันเป็นปีแล้วตั้งแต่เธอกลับไป ชีวิตคู่ของเราตอนนั้นไม่ได้ราบรื่นนัก เราคุยกันเป็นภาษาอังกฤษเสียส่วนมาก แต่ทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน คำโวยวายภาษาญี่ปุ่นก็พรั่งพรูล้นออกมาจากความรู้สึกของเธอแบบที่ผมไม่มีทางเข้าใจ และมันยิ่งทำให้กำแพงระหว่างเราถูกก่อขึ้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
หลังจากอยู่ด้วยกันมาได้ระยะหนึ่ง เธอกลับไปญี่ปุ่นโดยที่ใช้เวลาตัดสินใจไม่นานนัก ผมเชื่อว่ามันคงจะดีขึ้นหากเธอได้กลับบ้าน ให้ระยะทางของเราทำให้ทุกอย่างผ่อนลง มีชีวิตในแบบของเธอ กินอาหาร ดูโทรทัศน์ หรือไปเดินช็อปปิ้งในที่ที่คุ้นเคย มากกว่าการพยายามอดทนอยู่ที่นี่ โดยผมหวังว่าเมื่อทุกอย่างดีขึ้นเธอจะกลับมา อย่างน้อยหากเธอไม่คิดถึงผมอีกแล้ว เธออาจจะอยากกลับมาหาคูนิโอะ
เราไม่ได้ติดต่อกันเลยหลังจากนั้น ผมส่งข้อความหาเธอสองสามครั้งในอาทิตย์แรก แต่ก็ไม่มีอะไรตอบกลับมา หลังจากนั้นเราก็ห่างหายกันไปจริงๆ หายกันไปในแบบที่เต็มไปด้วยคำถาม
จนกระทั่งมีสายของเธอโทรเข้ามาในเช้าของวันนี้
“ฉันกำลังจะแต่งงาน” เธอพูด
“แต่เรายังไม่ได้หย่ากันนี่” ผมตอบ
มันคงถูกของเธอ ความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องที่อธิบายเป็นเหตุเป็นผลลำบาก คุณอาจจะรักใครในค่ำคืนหนึ่ง แต่ในคืนถัดไปคุณก็อาจจะลืมมันได้ไม่ยาก รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ วันเวลาที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เพียงแต่มันอาจจะทรมานคุณสักหน่อยถ้าจะบอกว่ามันก็เป็นเรื่องจริงอีกเช่นกันที่พรุ่งนี้มันจะไม่ใช่แบบเดิมอีกต่อไปแล้ว
แน่นอนว่าเรื่องของเรามันอาจจะเลยมานานแล้ว แต่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดว่าจะได้เจอในวันนี้ ในวันอาทิตย์ธรรมดา แดดส่องแสงร้อนแรง และไม่ได้แปรปรวนไปกว่าทุกวัน
“ฉันอยากให้เธอมางานด้วย ฉันพูดจริงๆนะ เธอจะมาอยู่นี่สักอาทิตย์นึงก็ได้ ห้องเช่าของฉันก็ยังอยู่” โทโมะยังคงยิ้ม “จะเอาเรื่องใบหย่ามาจัดการที่นี่เลยก็ได้ แฟนของฉันไม่ติดใจเรื่องนี้หรอก ฉันเล่าให้เขาฟังหมดแล้ว” ผมไม่เข้าใจว่านี่เป็นเรื่องของวัฒนธรรมหรือเปล่าที่เล่าเรื่องเศร้าแบบนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ หรือไม่ก็เป็นเฉพาะเธอคนเดียว
“พาคูนิโอะมาด้วยนะ หรือคุณจะเอามันมาอยู่ที่นี่เลยก็ได้ มันเกิดที่นี่ อาจจะคิดถึงที่นี่ก็ได้”
“งั้นผมจะพยายามเคลียร์งานให้ทันแล้วกัน แล้วเจอกันที่นู่น”ผมตอบ พร้อมกับมองไปรอบๆบ้าน พลางคิดว่าความทรงจำของคนจะผูกอยู่กับอะไร สถานที่ หรือสิ่งที่ประกอบกันให้มันเป็นสถานที่กันแน่
ถ้าบ้านหลังนี้ไม่เคยมีคูนิโอะหรือโทโมะ ไม่เคยมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นประกอบกันเป็นชิ้นส่วนของมวลความรู้สึกขนาดใหญ่ มันคงจะไม่สำคัญกับผมเท่าไหร่นัก
“แต่เรื่องคูนิโอะ ผมยังไม่รับปากนะ ไว้ว่ากันอีกที….”
ไม่แน่ใจว่าคูนิโอะจะคิดถึงชิบะหรือเปล่า
แต่ตอนนี้ผมคิดถึงที่นั่นเหลือเกิน