แวบแรกที่เห็นเจ้าเหมียวไซส์บิ๊กสายพันธุ์นี้ หลายคนคงเดาได้ไม่ยากว่าพวกมันจะต้องมีส่วนผสมของแมวป่าอยู่ในสายเลือดเป็นแน่…และความจริงก็เป็นเช่นนั้นเสียด้วย
Norwegian Forest Cat ที่โตเต็มวัยและแข็งแรงอาจมีน้ำหนักตัวได้ตั้งแต่ 4-7 กิโลกรัม แม้พวกมันจะเพิ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกได้เมื่อไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา แต่ถ้าไปถามชาวนอร์เวย์ล่ะก็ พวกเขาคุ้นเคยกับเรื่องราวของแมวสายพันธุ์นี้เป็นอย่างดีเลย พวกมันมักถูกเรียกด้วยอีกนามหนึ่งว่า “Skogkatt” ซึ่งหมายถึงภูติแมวแห่งหุบเขาที่มีความสามารถในการปีนป่ายเป็นเลิศ ตามความเชื่อจากนิทานปรัมปราชองชาวนอร์ส
นอกจากนี้ พวกมันยังได้รับความไว้วางใจจากชาวไวกิ้งให้ทำหน้าที่เป็นนักจับหนูบนเรืออีกด้วย เช่นเดียวกับที่มันรับใช้ชาวนอร์เวย์แถบชนบทในการดูแลโรงนาให้ปราศจากหนู คาดกันว่า Norwegian Forest Cat น่าจะเดินทางมาถึงทวีปอเมริกาเหนือเมื่อราวปลายศตวรรษที่ 9 พร้อมกับเรือเดินสมุทรของนาย Leif Erickson นักสำรวจชาวนอร์สคนแรกที่เป็นผู้ค้นพบทวีปอเมริกา (ก่อนยุคของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เสียอีก)
อย่างไรก็ตาม แมวผู้สืบทอดตำนานภูติแห่งหุบเขาก็ต้องเจอกับวิกฤติการณ์ของสายพันธุ์เหมือนกัน เพราะขณะที่พวกมันอาศัยกลมกลืนกับแมวบ้านขนสั้นทั่วไปในนอร์เวย์ ก็ทำให้สายพันธุ์แท้ของ Norwegian Forest Cat ค่อยๆ ถูกกลืนหายไป จนกระทั่งมีผู้คนจำนวนหนึ่งตัดสินใจพัฒนาสายพันธุ์อย่างจริงจัง ความสำเร็จนั้นมาปรากฏชัดในสมัยสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงทำให้ Norwegian Forest Cat ได้เดินเฉิดฉายบนเวทีประกวดอย่างเป็นทางการ และเริ่มมีการส่งออกจากประเทศนอร์เวย์ในช่วงปี ค.ศ. 1970 นั่นเอง
และด้วยความที่บ้านเกิดอยู่ในแถบสแกนดิเนเวีย จึงทำให้ Norwegian Forest Cat มีขนปกคลุม 2 ชั้น ที่แยกออกจากกันชัดเจน เพื่อให้สามารถทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็นในแถบอาร์คติกได้ดี แม้ว่าพวกมันจะมีขนาดตัวใหญ่กว่าแมวบ้านทั่วไป แต่ก็ใช่ว่าจะต้องมีบ้านพื้นที่โอ่โถงเท่านั้นถึงจะเลี้ยงดูพวกมันได้ เพราะลึกๆ แล้ว พวกมันก็ยังมีหัวใจแบบเหมียวๆ ที่ต้องการเพียงบ้านที่สงบและปลอดภัย มีของเล่นให้ได้ปีนป่าย ลับเล็บสักหน่อย และขอเพียงเจ้าของที่รักมันอย่างสุดหัวใจ
เพียงเท่านั้น Norwegian Forest Cat ก็พร้อมจะไปนอนหมอบอยู่บนตักของคุณแล้ว