“มันจะดีหรือเปล่านะ…ที่เราเป็นแบบนี้”
ลูกหมาน้อยครุ่นคิดในใจ ในขณะที่เฝ้ามองดูพี่น้องตัวอื่นๆ ทยอยมีคนมารับไปเลี้ยงกันหมดแล้ว
อาจเป็นเพราะมันเป็นตัวสุดท้อง มันจึงดูตัวเล็กและอ่อนแอกว่าใครเพื่อน นั่นนับเป็นครั้งแรก ที่ลูกหมาหน้าย่นได้เข้าใจซึ้งถึงคำว่า “ความแตกต่าง”
ที่ผ่านมา ลูกหมาน้อยมักได้เห็นภาพเงาสะท้อนของตนเองทุกครั้งที่มันก้มหน้าลงกินน้ำในชาม เจ้าลูกหมารู้ตัวดีว่าแม้มันจะเติบโตขึ้น จมูกของมันก็จะไม่มีวันยืดยาวไปมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ เพราะนี่คือธรรมชาติของสายพันธุ์ ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ มันรู้ว่าไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี มันก็ยังคงต้องมีคราบอาหารเลอะเปื้อนจมูกทุกครั้งที่กินข้าว แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะลูกหมาได้เรียนรู้ว่า ตัวมันเองสามารถแลบลิ้นขึ้นมาเลียคราบที่เปื้อนจมูกได้อย่างสบายๆ
แม้จะเป็นเรื่องยาก ที่ 4 ขาสั้นๆ แบบที่มันมีอยู่ จะสามารถพามันกระโดดขึ้นไปบนโซฟาสูงๆ ได้ แต่เจ้าหมาน้อยกลับไม่เคยรู้สึกอิจฉาหมาตัวอื่นที่ขายาวกว่า เพราะมันได้ค้นพบว่า ที่พื้นข้างล่างนี่…มันเย็นสบายกว่าเยอะเลย
ลูกหมาหน้าย่น ไม่เคยนึกสงสัยหรือตั้งคำถามในความเป็นตัวเอง นั่นเพราะมันรู้ดีอยู่แล้วว่าตัวเองเป็นอย่างไร และไม่เคยมีเหตุการณ์ครั้งไหนที่ทำให้มันรู้สึกแย่กับสิ่งที่เป็นอยู่ ยกเว้นในครั้งนี้…ที่มันกลับกลายเป็บตัวสุดท้ายที่ไม่ถูกเลือก
“หรืออาจจะดีกว่า…ถ้าเราดูเหมือนกับพี่น้องคนอื่นๆ” เพราะความกลมกลืนมักทำให้คนรู้สึกปลอดภัย ไม่แปลกแยก แต่ทว่า ไม่นานนักเจ้าลูกหมาตัวสุดท้ายก็ได้สบตากับใครบางคน สายตาของเธอคนนั้นทำให้ลูกหมารู้ได้ทันทีว่า การรอคอยของมันได้สิ้นสุดลงแล้ว เธอพร้อมที่จะพาลูกหมาน้อยไปอยู่ด้วยอย่างเต็มใจ พร้อมกับการเอ่ยตอบคำถามที่ค้างคาใจว่า
“มันดีที่สุดแล้ว…ที่เธอเป็นแบบนี้”