ความสามารถแห่งการดมกลิ่น คือสิ่งแรกที่ลูกแมวทำได้
ลูกแมวน้อยที่เกิดมาพร้อมกับใบหูพับทำให้ไม่ได้ยินเสียง ดวงตาปิดทำให้ให้ยังมองไม่เห็น แต่เพียงย่างเข้าสัปดาห์ที่ 2 พวกมันกลับสามารถเริ่มดมกลิ่นได้แล้ว และเจ้าลูกแมวน้อยก็ไม่รั้งรอที่จะใช้ทักษะแรกที่พวกมันเพิ่งทำได้ ช่วยนำทางไปหาไออุ่นและนมอร่อยๆ จากแม่แมว
ราวกับธรรมชาติได้รังสรรค์ทุกอย่างเอาไว้ดีแล้ว เพราะพรสวรรค์ด้านการดมกลิ่นของแมวจะค่อยๆ พัฒนาจนเรียกได้ว่าเข้าขั้นเทพ! ได้ตั้งแต่อายุเพียง 4 สัปดาห์เท่านั้น นั่นก็เพื่อรองรับให้ลูกแมวพร้อมต่อการหย่านมที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และลูกแมวจะต้องมีวิชาติดตัว ที่สามารถช่วยในการหาอาหารกินเองได้
แถมด้วยอวัยวะพิเศษใต้เพดานปากที่ติดตัวลูกแมวมาตั้งแต่แรกเกิด ที่จะมาช่วยเสริมความสามารถการดมกลิ่นแบบแมวๆ ให้ล้ำขึ้นไปอีกขั้น นั่นคืออวัยวะที่เรียกว่า “vomeronasal organ” หรือ “Jacobson’s organ” เป็นส่วนเนื้อเยื่อที่มีโครงสร้างคล้ายต่อมมีท่อ สิ่งนี้จะทำหน้าที่เสมือนเครื่องตรวจจับกลิ่นที่มากจากสารเคมีเฉพาะตัว โดยเฉพาะกลิ่น “ฟีโรโมน” จากแมวตัวอื่นๆ ที่อาจปนมากับปัสสาวะ นั่นจึงทำให้ประสาทการดมกลิ่นจึงมีความสำคัญต่อพฤติกรรมการประกาศอาณาเขตและการขับถ่ายในกระบะทรายของแมว
โดยเมื่อแมวต้องการจะใช้งานเจ้าอวัยวะพิเศษนี้ ก็เพียงแค่เผยอริมฝีปากบนขึ้น หรือที่เราเรียกท่าทางแบบนี้ว่า “flehmen reaction” เพื่อเป็นการขยายรูเปิดของโพรงท่อ “nasopalatine canals” ที่อยู่ด้านหลังฟันเขี้ยวทั้งสองข้าง เพื่อให้ได้รับกลิ่นเข้าไปเต็มที่ และท่อดังกล่าวก็จะนำไปสู่ vomeronasal organ ที่จะเร่งปั๊มของเหลวและแก๊สต่างๆ ขึ้นไปยังโพรงจมูกอีกที
นอกจากนี้จะสังเกตได้ว่า แมวเพศผู้จะแสดงท่าทาง flehmen มากกว่าในแมวเพศเมีย เนื่องจากต้องอาศัยกลิ่นในการบ่งชี้ว่า แมวเพศเมียตัวใดบ้าง ที่กำลังอยู่ในระยะพร้อมผสมพันธุ์นั่นเอง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด อาทิ ยีราฟ กระบือ แพะ ม้า สุนัข หรือแม้กระทั่งในคน (ที่ยังต้องรอการค้นคว้าต่อไป) ก็มีโครงสร้างอวัยวะพิเศษนี้เช่นเดียวกัน แต่มีรายงานยืนยันว่า vomeronasal organ ของแมวนั้น มีตัวรับสารเคมีมากถึง 30 ตัว ในขณะที่ในสุนัขมีเพียงแค่ 9 ตัว เท่านั้นเอง
เห็นแล้วใช่มั้ย…ว่าความสามารถการดมกลิ่นของน้องแมวก็ไม่ใช่ย่อยเลยเหมือนกันนะ!