“เจ้าไม่ได้มีพ่อคนเดียวกับข้า!”…นี่มันดราม่ายิ่งกว่าละครอีก!
เคยสงสัยมั๊ยว่า…ทำไมแมวที่คลอดออกมาพร้อมๆ กัน ถึงได้มีหน้าตาและสีขนผิดแผกแตกต่างกันได้มากถึงเพียงนี้!? นั่นก็เพราะลูกแมวในแต่ละครอก ไม่จำเป็นต้องมีพ่อตัวเดียวกันน่ะสิจ๊ะ!
ขอเล่าเท้าความไปถึงความรักแบบฉบับแม่แมวกันก่อน…
แมว จะมีวงรอบการเป็นสัดและกระบวนการก่อนผสมพันธุ์แตกต่างจากในสุนัขมากเลยทีเดียว เพราะแมวเพศเมียจะตกไข่ ก็ต่อเมื่อได้รับการกระตุ้นโดยการผสมพันธุ์กับแมวเพศผู้เท่านั้น กล่าวคือ เมื่อถึงระยะเป็นสัด ร่างกายของแมวเพศเมียก็จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนต่างๆ รวมทั้งเป็นช่วงที่จะมีความดึงดูดต่อแมวเพศผู้ด้วย และหากทั้งสองได้ตกลงปลงใจกัน แมวเพศเมียก็จะยอมให้ผสมพันธุ์ แล้วหลังจากนั้น 20-50 ชั่วโมง ก็จะเกิดกระบวนการกระตุ้นให้มีไข่ตกออกมา ครั้งละ 2-4 ฟอง ซึ่งไข่เหล่านี้ก็จะไปปฏิสนธิกับอสุจิจากพ่อแมวที่มารออยู่แล้วนั่นเอง
แต่ความยุ่งยากจะเกิดขึ้น เพราะแม่แมวไม่ได้รักเดียวใจเดียวน่ะสิ! ในขณะที่เป็นสัด อาจมีแมวเพศผู้หลายตัวมาติดพัน และแม่แมวก็อาจจะใจอ่อนเคลิ้มตามไปด้วย ทำให้ในช่วงหนึ่งวงรอบการเป็นสัด แม่แมวอาจถูกผสมพันธุ์และถูกกระตุ้นให้ไข่ตกได้มากกว่า 1 ครั้ง เมื่อไข่แต่ละฟองได้รับการปฏิสนธิกลายเป็นตัวอ่อน หรือที่เรียกว่า “เอ็มบริโอ” ก็จะเคลื่อนมาฝังตัวที่บริเวณมดลูก ก่อให้เกิดกระบวนการตั้งท้องต่อไป ส่งผลให้ลูกแมวที่เกิดมาจากครอกเดียวกันนี้ อาจจะมีพ่อคนละตัวกันก็เป็นได้
ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้ถือเป็นความผิดปกติแต่อย่างใด ออกจากเป็นเรื่องธรรมดาในหมู่แมวซะด้วยซ้ำ รวมทั้งลูกแมวที่เกิดมาทุกตัว แม้จะต่างพ่อกัน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อเรื่องสุขภาพใดใดของลูกแมวเลย รวมทั้งแม่แมวก็ยังยินดีเลี้ยงลูกทุกตัวโดยเท่าเทียม อย่างไรก็ตามลูกแมว 1 ตัว จะสามารถมีพ่อแมวได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น ตามหลักการที่ว่า ไข่ 1 ฟอง จะปฏิสนธิกับอสุจิ 1 ตัว นั่นเอง
ดังนั้นหากบ้านไหนที่วางแผนจับคู่ให้แมว และหวังใจอยากจะได้ลูกทั้งครอกให้มาจากพ่อแมวตัวเดียวกันทั้งหมด ก็อย่าลืมจับตาดูแม่แมวเอาไว้ให้ดีๆ ด้วยล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!
