1.
เปรียวยืนอยู่ข้างหน้าห้อง 406 ตัดสินใจอยู่สักพัก ก่อนจะลงน้ำหนักมือเคาะประตูห้องสองสามครั้ง ยังคงไม่มีสัญญาณตอบรับจากหลังประตู เธอเคาะซ้ำและร้องเรียก
“มีใครอยู่ไหมคะ”
“มีอะไรเหรอ” เสียงตอบจากหญิงสาววัยทำงานที่เพิ่งปรากฏให้เห็นผ่านประตูที่แง้มเปิด เธอมีผิวสองสี ผอมแห้ง นัยน์ตาอิดโรย และกลิ่นบุหรี่เหม็นแทบลมจับ
“อพาร์ทเมนท์ที่นี่ห้ามเลี้ยงสัตว์นะคะ” เปรียวทำน้ำเสียงหนักแน่น มือขวาดันแว่นสายตาให้ขยับขึ้น เหงื่อเธอผุดเม็ดเล็กๆด้วยความประหม่าระหว่างบทสนทนากับหญิงสาวแปลกหน้า
“ฉันไม่ได้เลี้ยงสัตว์อะไรเสียหน่อย” หญิงสาวแปลกหน้าทำหน้าหน่าย
“หนูได้ยินเสียงแมว” เปรียวตอบห้วน
“ไม่ใช่แล้วล่ะ เธอคงคิดไปเอง” หญิงแปลกหน้าตอบ
“ขอตัวล่ะนะ ฉันเพิ่งจะได้นอนตอนสิบโมงนี่เอง” หญิงสาวแปลกหน้ายิ้ม หัวเราะด้วยลมหายใจก่อนปิดประตู
“แต่หนูต้องการสมาธิ หนูต้องทำรายงาน ขอเถอะค่ะ” เปรียวเสียงดังใส่บานประตูที่ปิดลง ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาอีกแล้ว เธอถอนหายใจ ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะพยายามพูดอะไรต่อ
เธอเดินกลับมายังห้องของหมายเลข 405 หลังเสียงก้าวเท้าของเธอเงียบ เธอได้ยินเสียงร้องของแมวเบาๆ
.
2.
หลังปีใหม่อากาศกำลังดี บรรยากาศท้ายเทอมก็เริ่มเบาลง เหลือแค่การบ้านปิดเทอมสอบปลายภาคอีกแค่สองวันก็จะหมดไปอีกเทอมในกรุงเทพที่แสนจะวุ่นวาย อีกแค่สองวันเปรียวจะได้กลับไปหาป๊ากับแม่ที่ชลบุรี
ฟ้าข้างนอกมืดแล้วแม้จะเพิ่งหกโมงเย็น เสียงแมวที่เธอได้ยินมาตลอดสามเดือนดังขึ้นอีกแล้ว เปรียวเปิดประตูเพื่อออกไปยังระเบียง ลมเย็นระเรื่อพัดเข้ามา เธอชะโงกหน้าไปยังระเบียงห้องข้างๆ หวังจะได้ยินต้นตอของเสียง
สายตาคู่หนึ่งชะโงกจ้องมองกลับมายังเธอ เจ้าแมวสีน้ำตาลตัวบาง ไฟในห้องดับสนิท หรือหญิงสาวเจ้าของห้องคงไม่อยู่
เธอยืดตัวจากราวระเบียงและเอื้อมไปยังระเบียงห้องข้างๆที่ห่างออกไปเพื่อจะคว้าเจ้าแมวผอมโซข้ามมายังห้องของเธอ มือซ้ายยังเกาะราวระเบียงแน่นเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่พลัดร่วงลงไปจากอาคารสูงสี่ชั้น เจ้าแมวยังคงระแวงกับคนแปลกหน้า
มันสัมผัสกับฝ่ามือของเปรียว เธอบรรจงใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อช้อนมันกลับมาโดยหวังว่าจะไม่ต้องมีใครตกลงไปไม่ว่าจะเป็นเจ้าแมวหรือเธอ เจ้าแมวสั่นระริก แขนที่เหยียดไปรับของเธอก็สั่นเช่นกัน เสียงประตูระเบียงห้องฝั่งเจ้าแมวก็เปิดขึ้น เธอสะดุ้งจนเกือบทำมันหลุดออกจากมือ
เจ้าแมวสะดุ้งเช่นกัน และถีบตัวกลับเข้าไปในระเบียงห้องตัวเอง หญิงสาวเจ้าของห้อง 406 ที่เพิ่งเปิดระเบียงออกมาก็คว้าเจ้าแมวไปกอดได้ทัน ก่อนชะโงกหน้าออกมายิ้มจืดไปยังระเบียงข้างๆเพื่อทักทายเปรียว
“เธอนี่เองหนูน้อย กินอะไรหรือยัง มาที่ห้องฉันสิ มาทำสุกี้กินกัน”
.
3.
“เมื่อเช้าฉันลืมให้อาหารน่ะ เจ้านี่มันคงหิวเลยไปเรียกหาเธอ” หญิงสาวยิ้มให้เปรียว เด็กสาวห้องข้างๆ ที่ตอนนี้นั่งอยู่ในห้องของหล่อน สาววัยทำงานตรงหน้าพูดพลางลวกผักในหม้อ น้ำเดือดปุดๆจนไอน้ำทำให้ห้องพร่าไปหมด
“ห้องรกหน่อยนะ ฉันกำลังจัดของไปเมืองนอกอาทิตย์หน้าน่ะ”
เปรียวไม่ยิ้มตอบ มือของเธอถือตะเกียบแต่ไม่ได้สนใจอาหารในหม้อ คิ้วขมวดแบบที่ทำประจำ “หนูทนฟังเสียงแมวมาครึ่งเทอมแล้วนะคะ พรุ่งนี้หนูก็จะสอบด้วย”
“แล้วถ้าวันนี้ฉันไม่ได้กลับมาห้องจริงๆ เธอจะอุ้มมันไปไว้ไหนจ๊ะ” หญิงสาวถาม พร้อมกับคีบอาหารจากหม้อใส่ในชามของเปรียว
“หนูคิดว่าคุณทิ้งมันไว้แล้วไม่กลับมา หนูคงอาจจะแค่ให้อาหาร แล้วก็..” เปรียวตอบ
“เอาไปทิ้งหรือ หรือเอามันไปร้องต่อในห้องเธอ” หญิงสาวยิ้ม
“เจ้านี่น่ะมาจากไหนฉันก็ไม่รู้หรอก ไม่ได้ตั้งใจจะเลี้ยง แต่มันมาคลอเคลียแล้วก็ไม่ไปไหนเลย เธอดูแววตาของเขาสิ เธอว่าฉันจะไล่เขาไปไหนได้จริงๆน่ะเหรอ”
“แต่อาทิตย์หน้าฉันจะต้องย้ายออกไปแล้ว ฝากมันไว้กับเธอได้ไหม”
.
4.
คุณแม่ลูกหนึ่งเปิดประตูห้อง 404 ให้ลูกชายเดินเข้าไปก่อน จังหวะพอดิบพอดีกับเปรียวที่เดินผ่านทางเดินไปยังห้อง 405 พอดี
“ขอโทษนะคะน้อง” คุณแม่ร้องเรียกเปรียวที่กำลังควานหากุญแจห้อง
“อพาร์ทเมนต์ที่นี่ห้ามเลี้ยงสัตว์นะคะ”
“สัตว์อะไรเหรอคะ” เปรียวถาม สีหน้าว่างเปล่า
“พี่ได้ยินเสียงแมว ลูกชายพี่แพ้แมวน่ะค่ะ เลยอยากรบกวนน้องด้วย”
“คิดไปเองแล้วล่ะค่ะ หนูไม่ได้เลี้ยงแมวเสียหน่อย”
เปรียวยิ้ม ไขประตูและก้าวหายเข้าไปในห้อง
.