17 มกราคม 2620 / 03.09 น. / โลก
นุ่มนิ่มกำลังรีบเร่งเก็บกระเป๋า เหลือเวลาอีกไม่มากนัก เธอกวาดสายตาไปรอบๆ มองหาสิ่งจำเป็นที่จะนำติดตัวไปด้วย สายตาเธอสะดุดกับชั้นหนังสือที่ยังคงตั้งอยู่อย่างสงบ ละอองฝุ่นปกคลุมอยู่บนหนังสือทุกเล่ม เธอเข้าไปเลื่อนสันทีละเล่มเพื่อเลือกหนังสือสักเล่มติดกระเป๋าไปด้วย ไม่มีสัญญาณให้สุ้มเสียงใด ขา 2 ข้างของสิ่งมีชีวิตที่ปกคลุมด้วยขนก็พลันตะกายเอวของนุ่มนิ่มจากทางด้านหลัง
เทา สุนัขรีทรีฟเวอร์พันธุ์ผสมตัวใหญ่วัยกลางคน พยายามจะเล่นกับเจ้านายเหมือนดังเช่นทุกวัน เพียงแต่วันนี้มันคงรู้สึกได้ว่ามีอะไรแตกต่างไปจากวันก่อนจากร่างกายที่สั่นเทิ้มของหญิงสาว
เสียงรถยนต์เคลื่อนมาถึงหน้าบ้านเป็นสัญญาณ นุ่มนิ่มตัดสินใจคว้าอัลบั้มรูปบนชั้นสองสามเล่ม ยัดลงใส่กระเป๋าอย่างรีบเร่ง ปฏิเสธการเล่นโต้ตอบกับสุนัขของเธอ เทายังคงส่งเสียงร้องหงิงหงัง เธอพาดกระเป๋าที่ปิดเรียบร้อยแล้วขึ้นบนบ่า สบตากลับมายังสิ่งมีชีวิตสี่ขาที่อยู่เบื้องหน้า น้ำตาของเธอหยดลงอาบแก้ม เทาเอียงคอราวกับงุนงงสงสัยสิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้ เธอก้มลงกอดมันราวกับอยากให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้นิรันดร์
ชายหนุ่มอีกคนเดินก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นโดยไม่ได้ถอดรองเท้า เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นไม้ เขาหยุดมองนุ่มนิ่มที่กำลังกอดเจ้าเทาแน่นและถอนหายใจ
“เราเอามันไปด้วยไม่ได้หรอกนะคุณ” เจ้าของเสียงคือเถิน ชายเวียดนามผอมสูงที่ตกลงใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเธอเมื่อหลายปีที่แล้ว ไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงสาว ชายหนุ่มพูดกับเธออีกครั้ง
“เรามีเวลาอีกนิดหน่อย จะให้เทากินยาหรือเปล่า”
เธอส่ายหน้า ยังคงไม่ส่งเสียงตอบใดๆ ชายหนุ่มหยิบแคปซูลออกจากซองที่เขาพกมาด้วยให้กับนุ่มนิ่ม
“อย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่ต้องห่วงอีกว่าเทาจะอยู่ลำพังที่นี่ยังไง ไม่ต้องทรมาน แค่เหมือนหลับไป”
เจ้าหมาสบตาชายหนุ่ม ราวกับฟังบทสนทนานี้ได้อย่างเข้าใจ นุ่มนิ่มยังคงสะอื้นไห้ ส่ายหน้าเป็นคำตอบให้กับเถิน
“ฉันฆ่ามันไม่ได้ คุณก็รู้…”
ชายหนุ่มและหญิงสาวยกกระเป๋าขึ้นบนรถ เทายืนกระดิกหางมองพวกเขาอยู่ข้างหน้าบ้าน คราวล่าสุดที่ทั้งสองคนขนกระเป๋าขึ้นท้ายรถแบบนี้คือฮันนีมูนเมื่อสองปีก่อน เทาต้องลำพังอยู่ในบ้าน กินอาหารจากเครื่องให้อาหารอัตโนมัติ มันส่งเสียงหงิงหงังตามหลัง หนึ่งอาทิตย์ที่ไม่มีนุ่มนิ่มสำหรับเทาแล้วมันช่างไม่สนุกเอาเสียเลย แต่กับคราวนี้คงไม่เหมือนกัน
เหตุการณ์วิกฤติอาหารบนโลกทำให้ทุกอย่างเลวร้าย พืชผักไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ ชั้นบรรยากาศถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควัน โลกในปี พ.ศ.2620 ต่างกับที่คนในครึ่งศตวรรษก่อนคาดหวังไว้ มันไม่มีเครื่องข้ามเวลา ไม่มีเครื่องย้ายมวลสาร ไม่สามารถแม้จะสร้างอาหารเองให้เพียงพอต่อประชากรได้ บริษัทสำรวจอวกาศเอกชนหลายบริษัทได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อทางรอดเดียวคือการอพยพคนจากโลกไปยังอาณานิคมยูโรปา ดวงจันทร์ของดาวพฤหัสที่อยู่ห่างจากโลกเจ็ดร้อยเจ็ดสิบล้านกิโลเมตร
นุ่มนิ่มและเถินกำลังเดินทางไปยังยานอวกาศอพยพลำสุดท้าย ที่จะถูกปล่อยในอีกราว 5 ชั่วโมงหลังจากนี้…
เหมือนสัญชาติญาณบางอย่างทำให้เทาวิ่งไล่ตามรถของทั้งคู่จนมันรู้ตัวว่าไม่อาจจะตามทันได้อีก และเปลี่ยนเป็นเสียงเห่า นุ่มนิ่มมองเจ้าหมาจากกระจกหลังจนหายไปจากสายตา กลั้นเสียงสะอื้น เถินใช้มือข้างที่ไม่ได้บังคับพวงมาลัยกุมมือของเธอ
ท้องฟ้ายามเช้ามืดที่ปกติปกคลุ่มด้วยฝุ่นควัน วันนี้กลับเปิดกว้างผิดปกติ กลุ่มดาวหมาใหญ่เด่นสกาวขึ้นมาบนขอบฟ้า หญิงสาวมองมันอย่างเหม่อลอยผ่านกระจกรถ
“แปลกดีนะคะคุณ ตอนที่คนเราหวาดกลัวอวกาศ เราให้หมาออกไปเสี่ยงตาย แต่พอเรารู้จักอวกาศว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ก็กลับกลายเป็นว่าหมาเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะเอาออกไปด้วย…”
“คุณว่าบนยูโรปาจะมองเห็นโลกไหม” เธอถาม
“เห็นสิ ต้องเห็นอยู่แล้ว” เขาโกหก
เธอหวังว่าสักวันหนึ่งเธอ มนุษยชาติจะสามารถหาทางกลับมาใช้ชีวิตบนโลกได้อีกครั้ง
และเธอหวังเหลือเกินว่าเมื่อเธอกลับมา เทาจะยังรอเธอหน้าบ้านเช่นเดิม