Published on ISSUE 9
ผมรอเธอนานจนไม่แน่ใจว่าตอนนี้ผมยังรอเธออยู่หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ผมเข้าใจความรู้สึกของการรอเพียงพอแล้ว

แด่ความทรงจำที่ถูกลืม : คอร์กี้กับกาแฟ

เรื่องและภาพ : Mahamojo

วันนี้ฝนตก ฝนตกราวกับฟ้ารั่ว

กาแฟร้อนในแก้วหมดไปได้สักพักแล้ว เหลืออยู่เพียงน้ำเปล่าที่รินลงไปละลายคราบกาแฟก้นถ้วย

ผู้คนราวๆสิบชีวิตเริ่มมองออกไปนอกร้าน รอเวลาฝนหยุด เพื่อที่จะดำเนินชีวิตแสนธรรมดาของพวกเขาต่อ เว้นแต่สุนัขคอร์กี้ตัวหนึ่ง ที่น่าจะมีสาเหตุการมองผ่านผนังกระจกต่างกันออกไป

ผมมานั่งร้านนี้ได้หลายครั้งแล้ว แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบเกี่ยวกับร้านนี้ก็คงจะมีแต่เจ้าคอร์กี้ตัวนี้ที่เดินไปเดินมาในร้าน

ร้านกาแฟคงไม่ใช่ที่ที่เหมาะกับสัตว์เลี้ยงประเภทสุนัข (ยกเว้นแต่แมวไว้เป็นกรณีพิเศษ)

วันนี้เจ้าคอร์กี้นั่งนิ่ง เหมือนกับมองเหม่อไปนอกร้าน

หญิงสาวพนักงานชงกาแฟ ก้มลงลูบหัวมันเบาๆ และสังเกตเห็นว่าผมกำลังจ้องมันอยู่

“มันคงรอเจ้านายมันกลับมาอยู่ค่ะ อันที่จริงเราก็มีเจ้านายคนเดียวกันนี่นะ”

เธอคงหมายถึงชายร่างสูง ผิวคล้ำ เจ้าของร้านกาแฟร้านนี้ ที่จะคอยจัดการทุกอย่างให้เข้าที่ทุกวัน

และวันนี้ผมเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาในร้าน แม้จะนั่งที่นี่มาชั่วโมงกว่าๆ

ไเขาไปไหนหรือครับ ?” ผมถามหญิงสาวพนักงาน

“ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ ถูกรถชนสองวันก่อน” เธอตอบ

ผมใจหายวาบ คอร์กี้ตัวน้อยยังคงเหม่อลอยออกไปข้างนอก

หลายคนกล่าวว่า หมาเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่รักเจ้าของมากกว่าตนเอง  แต่ก็มีแนวคิดทางสัตววิทยาที่กล่าวแย้งว่า มันเป็นแค่สัญชาติญาณของสัตว์ที่มีต่อจ่าฝูงของตนเท่านั้น คำถามคือสัญชาติญาณต่างกับความรักอย่างไรบ้างเล่า ?

สมัยเด็กๆ ผมเคยขอร้องพ่อให้ซื้อลูกสุนัขให้ตัวหนึ่ง เป็นลูกสุนัขอเมริกันพิทบูลสีน้ำตาลอมเหลือง

ผมตั้งชื่อมันว่า “หน้าขาว” จากใบหน้าที่มีลายด่างสีขาวกลางหน้าผาก หน้าขาวไม่ใช่สุนัขที่ดุ แต่ทุกครั้งที่เล่นกัน ผมก็จะมีแผลติดตัวกลับมาทุกครั้ง จนกระทั่งผมย้ายที่อยู่ เข้ามหาวิทยาลัย ไม่มีโอกาสได้กลับไปบ้านมากนัก

ครั้งล่าสุดที่พบกัน หน้าขาวแก่ลงไปมาก แต่ก็ยังตะกายสู้กันเหมือนตอนเราทั้งคู่เด็กๆ ต่างกันตรงที่ผมไม่ได้มีเวลาดูแลมันอีกแล้ว

ไม่กี่เดือนถัดมาผมก็ได้ทราบข่าวว่ามันตายแล้ว ร่างของมันถูกฝังไว้หลังบ้าน โดยที่ผมไม่ได้ มีโอกาสจะร่ำลามัน

มันอาจจะรอผมทุกวันเช่นเดียวกันกับคอร์กี้ในร้านกาแฟ

นั่นเป็นสาเหตุที่ผมค่อนข้างระวังกับทุกความสัมพันธ์

ตอนนี้ฝนเบาลงแล้ว

คนหลายสิบชีวิตในร้านเริ่มทยอยเดินออกจากร้าน

เหลือเพียงผม หญิงสาวพนักงาน เจ้าคอร์กี้ บรรยากาศที่ว่างเปล่า

และลำโพงที่เล่นเพลงของวงคาร์เพนเตอร์

จะว่าไปก็แปลกที่เป็นเพลงนี้ ผมเคยรู้จักผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบเพลงนี้เอามากๆ

เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมคิดว่าจะมอบโลกทั้งใบไว้กับเธอได้

แต่เธอกลับปฏิเสธทุกความสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นและเดินทางจากไปไกลแสนไกล

ผมรอเธอนานจนไม่แน่ใจว่าตอนนี้ผมยังรอเธออยู่หรือเปล่า

แต่ที่แน่ๆ ผมเข้าใจความรู้สึกของการรอเพียงพอแล้ว

ผมเดินไปจ่ายค่ากาแฟที่เคาน์เตอร์ ถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้ว

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ผมสะดุ้งควานหาในกระเป๋ากางเกงจนเจอ แต่มันไม่ใช่โทรศัพท์ของผม

หญิงสาวพนักงานรับโทรศัพท์ที่มีเสียงโทรเข้าแบบเดียวกันขึ้น ใบหน้าของเธอเปื้อนยิ้ม

“พี่เจ้าของร้านอาการดีขึ้นแล้ว น่าจะกลับบ้านได้พรุ่งนี้ค่ะ” เธอบอกผม

ผมยิ้มตอบแล้วอุ้มเจ้าคอร์กี้ขึ้นมา ลูบหัวมันแรงๆ

เพิ่งสังเกตว่าหน้าผากของมันมีลายด่างสีขาวอย่างประหลาด