นี่คือหมาหรือหมาป่ากันแน่นะ…
ความรู้สึกแรกของใครหลายคนที่ได้เห็น Wolfdog คงคิดแบบนี้อย่างแน่นอน ด้วยตัวที่่ใหญ่กว่าสุนัขบ้านทั่วไปมากและยังมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับหมาป่า ทำให้หลายคนคิดว่า Wolfdog คือหมาป่าจริงๆ ก็มี
แต่จริงๆ แล้ว Wolfdog คือหมาลูกผสมระหว่างสุนัขกับหมาป่า ทำให้ได้รับลักษณะทางพันธุกรรมบางส่วนจากหมาป่ามา ซึ่งด้วยความเท่บาดใจคล้ายหมาป่านี้เองทำให้ Wolfdog เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนมากๆ และได้นำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงอีกด้วย
แต่ Wolfdog นั้นไม่ใช่สุนัขบ้าน หากแต่คือทายาทผู้สืบสายเลือดหมาป่าที่พวกเขามีความต้องการและลักษณะนิสัยเป็นของตัวเอง ในครั้งนี้เราจึงได้เจาะลึกเรื่องราวของเหล่า Wolfdog ให้เพื่อนๆ ทุกคนได้ลองอ่านกัน ทั้งประวัติความเป็นมา ลักษณะนิสัย และวิธีการดูแล เพื่อให้เข้าใจพวกเขามากขึ้น รวมไปถึงใครที่อยากเลี้ยงจะได้ทบทวนอีกครั้งว่าพร้อมหรือไม่ เพราะเราบอกเลยว่า Wolfdog นั้นเลี้ยงไม่ง่ายอย่างแน่นอน
ถ้าพร้อมแล้ว ไปสัมผัสความเท่และตัวตนที่ไม่เหมือนใครของเหล่า Wolfdog กันได้เลย
ในปัจจุบันมี Wolfdog เพียงสองพันธุ์ที่ได้รับการบันทึกโดยสมาพันธ์สุนัขโลก หรือ Federation Cynologique Internationale (FCI) คือ
1. Saarloos wolfhound หรือ Saarloos wolfdog
2. Czechoslovakian Wolfdog หรือ Czechoslovakian Vlcak
โดยทั้งสองพันธุ์นี้เกิดจากการผสม German Shepherd กับหมาป่าทั้งคู่ แต่เป็นหมาป่าต่างพันธุ์กัน
เรามาทำความรู้จักกับ Saarloos wolfdog กันก่อน เจ้าสุนัขพันธุ์นี้ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกโดยคุณ Leendert Saarloos ชาวเนเธอร์แลนด์ ในปี ค.ศ.1935 เขามีจุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงนิสัยของสุนัขพันธุ์ German Shepherd ซึ่งเขาชื่นชอบเป็นพิเศษ ให้กลับไปใกล้เคียงกับนิสัยดั้งเดิมของมันมากที่สุด เพราะเขาคิดว่าสุนัขเหล่านี้เริ่มมีลักษณะนิสัยแบบหมาบ้านมากจนเกินไป เลยทำการผสมสุนัขพันธุ์ German Shepherd เพศผู้ เข้ากับ European wolf เพศเมีย และตั้งชื่อลูกผสมนี้ว่า European wolfdog
แต่ผลการทดลองกลับไม่ตรงกับความต้องการของเขามากนัก เพราะลักษณะที่เด่นชัดของสุนัขพันธุ์นี้ดันคล้ายคลึงกับหมาป่าค่อนข้างมากในแง่ของการเก็บตัว ไม่คุ้นชินกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย มากกว่าที่จะคล้ายคลึงในด้านความดุร้ายและนิสัยดั้งเดิมของสัตว์ป่าแบบที่เขาต้องการ
ในช่วงแรกๆ มีการใช้พวกมันเป็นสุนัขนำทางเพื่อผู้พิการทางสายตา ซึ่งพวกมันก็ทำได้ดีทีเดียว แต่ในรุ่นต่อๆ มา ที่เริ่มมีการผสมกับหมาป่าไปเรื่อยๆ จนมีสัดส่วนความเป็นหมาป่ามากขึ้น พบว่าพวกมันกลับทำหน้าที่เหล่านี้ได้ไม่ดีเท่าเดิม
หลังจากที่เขาเสียชีวิต ได้มีการเปลี่ยนชื่อสุนัขเป็น Saarloos wolfdog เพื่อให้เกียรติแก่ผลงานของเขา
สุนัขพันธุ์ถัดมา คือ Czechoslovakian Vlcak โดยจะขอเรียกย่อๆ ว่า CSV เจ้า CSV นี้เป็นลูกผสมระหว่างสุนัขพันธุ์ German Shepherd กับ Carpathian wolf และแน่นอนว่ามีต้นกำเนิดจากสาธารณรัฐเช็กตามชื่อ โดยเริ่มมีการทดลองมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1955
เพื่อจุดประสงค์คือต้องการสุนัขที่มีนิสัย จิตใจ และสามารถฝึกฝนได้แบบ German Shepherd แต่มีรูปร่างและความแข็งแรงเหมือน Carpathian wolf เพื่อใช้งานทางด้านการทหารโดยเฉพาะ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้โดยส่วนใหญ่มีนิสัยร่าเริง กระตือรือร้นมาก กล้าหาญ มีความจงรักภักดีต่อเจ้าของและทนทานต่อสภาพอากาศ ในปัจจุบันมันยังคงถูกใช้เป็นสุนัขทางการทหาร นอกจากนี้ยังใช้เป็นสุนัขค้นหาและช่วยชีวิต สุนัขนำทางและสุนัขช่วยล่าด้วย
นิสัย Wolfdog จะเหมือนหมาป่าหรือหมาบ้านมากกว่ากัน ?
คำตอบนี้ตอบยาก เนื่องจากเจ้า Wolfdog นั้นเกิดจากการผสมกันของหมาบ้านและหมาป่า จึงเป็นเรื่องยากที่จะทำนายลักษณะนิสัยได้อย่างแม่นยำว่าลูกหมาที่เกิดมาแต่ละตัว จะมีนิสัยที่คล้ายกับหมาบ้านหรือหมาป่ามากกว่ากัน เพราะพวกมันมีความหลากหลายทางพันธุกรรมกว้างมาก
มากถึงขนาดที่แม้แต่ในครอกของลูกสุนัขเดียวกัน นิสัยและเปอร์เซ็นต์สายเลือดหมาป่าในตัวก็อาจต่างกัน หรือนิสัยในตอนเด็กกับตอนโตเต็มวัยก็ยังไม่หมือนกันเลยในสุนัขบางตัว
แต่ส่วนใหญ่แล้ว Wolfdog มีความเป็นมิตร เข้ากับเจ้าของได้ดี แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นเรื่องยากสำหรับคนแปลกหน้าที่จะทำความคุ้นเคยกับมันและเป็นเรื่องยากที่จะฝึกสอนเจ้าลูกผสมนี้ให้ทำตามคำสั่งเหมือนหมาบ้าน
ด้วยลักษณะนิสัยที่ต่างกันของสุนัขทั้งสองพันธุ์ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว Wolfdog สายพันธุ์ Czechoslovakian Vlcak จึงค่อนข้างเหมาะต่อการเลี้ยงเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงมากกว่า เพราะมันปรับตัวเข้ากับมนุษย์ได้ดีกว่า สามารถฝึกฝนได้ แต่อาจไม่ได้ฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งได้ง่ายเหมือนสุนัขบ้านทั่วไป
เนื่องจากสุนัขเหล่านี้ยังมีความเป็นหมาป่าที่จะมีนิสัยการเป็นผู้นำและพึ่งพาตัวเองเพื่อเอาตัวรอดสูง แต่ถึงจะไม่ดุร้าย ด้วยลักษณะร่างกายที่ค่อนข้างสูงและแข็งแรง เค้าอาจจะเล่นแรงหรือกระโดดใส่จนเกิดอุบัติเหตุได้ จึงไม่แนะนำหากเลี้ยงในบริเวณที่มีเด็กเล็กๆ
การเลี้ยง Wolfdog ต้องเริ่มต้นที่ความเข้าใจ
แม้ว่า Wolfdog นั้นค่อนข้างเป็นมิตรกับสมาชิกและสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ในบ้าน แต่เราก็ควรสร้างความคุ้นเคยให้กับเขา ด้วยการเลี้ยงไว้ในบริเวณเดียวกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นตั้งแต่เด็กๆ เพราะพวกเขาจะปรับตัวให้เข้ากับสัตว์หรือคนแปลกหน้าได้ยาก
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญหากคิดที่จะเลี้ยงเจ้า Wolfdog คือเรื่องของเวลาและการออกกำลังกาย เนื่องจากเจ้าพวกนี้มีพลังเหลือล้น เจ้าของจะต้องมีเวลาและมีพื้นที่ให้มันได้ออกกำลังกายหรือพาไปทำกิจกรรมร่วมกันให้เค้าได้ใช้พลังงานและมีการแสดงออกอย่างเหมาะสมตามพฤติกรรมทางธรรมชาติ
แต่ในการพาออกนอกบ้านเจ้าของจะต้องใส่สายจูงให้แน่นหนา เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดกับทั้งตัวสุนัขเองและกับคนอื่นนอกบ้านที่อาจไม่คุ้นเคยกับขนาดตัวอันใหญ่โตของพวกมัน
โดยส่วนใหญ่แล้วหมาป่าในต่างประเทศจะมีขนหนากว่าหมาบ้านทั่วไปเพื่อทนความหนาว ทำให้เจ้า Wolfdog นั้นมีขนหนาด้วย การนำมาเลี้ยงในประเทศไทย เจ้าของอาจต้องระวังเรื่องสภาพอากาศและความร้อนเป็นพิเศษ การดูแลเส้นขนทำได้โดยการแปรงขนอาทิตย์ละครั้ง แต่หากอยู่ในช่วงผลัดขน ซึ่งเกิดขึ้นประมาณสองครั้งต่อปี ช่วงนั้นอาจต้องช่วยแปรงขนทุกวัน นอกจากนี้พวกมันยังมีเล็บที่ยาวเร็วและแข็งแรง จึงต้องการการดูแลเป็นประจำ
นอกจากนั้นเราลองมาดูเรื่องอาหารกันบ้าง อาหารที่แนะนำคือเจ้าของสามาถให้เนื้อสัตว์ดิบได้เลย หรืออาจเลือกให้อาหารที่มีขายตามท้องตลาดก็ได้แต่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับขนาดตัวและได้รับสารอาหารที่เพียงพอ และอย่าลืมน้ำสะอาดให้พวกมันตลอดเวลาด้วย
สุดท้ายการที่จะเลี้ยงให้พวกมันมีสุขภาพดีและอยู่กับเราได้นานๆ นั้น เจ้าของควรสังเกตความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมและความผิดปกติอยู่เสมอ เพราะตามธรรมชาติของสัตว์ป่า มันมักจะซ่อนอาการป่วยเพื่อไม่ให้มันกลายเป็นเหยื่อที่ถูกล่าเหล่า Wolfdog ก็เช่นกัน หากมีอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ มันมักไม่แสดงอาการ ทำให้เจ้าของสังเกตได้ยาก
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อหมาป่าถูกทิ้ง
เชื่อหรือไม่ว่าในต่างประเทศมี Wolfdog ที่ถูกทิ้งไม่ต่างจากหมาบ้านเลย นั่นก็เพราะเจ้าของขาดความเข้าใจในลักษณะนิสัยของพวกมันนั่นเอง
เจ้าของมักมองข้ามการทำความเข้าใจในลักษณะนิสัยตามธรรมชาติที่คล้ายคลึงกับหมาป่าของพวกมัน เมื่อนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงจึงเกิดปัญหาที่จัดการไม่ได้อยู่บ่อยๆ เช่น รับมาเลี้ยงตอนเด็กๆ ก็ยังดูเรียบร้อยน่ารักดี แต่พอโตขึ้น ดันมีนิสัยที่ไปทางหมาป่ามากกว่าหมาบ้าน ทำลายข้าวของในบ้านบ้าง ไม่เชื่อฟังคำสั่งบ้าง ด้วยเหตุนี้จึงเกิดปัญหาการนำสุนัขไปทิ้งเยอะมาก
ยูกิ (Yuki) เป็น Wolfdog สายเลือดผสมที่เกิดจาก หมาป่า Gray wolf , Siberian Husky และ German Shepherd โดยมีส่วนผสมของเลือดหมาป่าสูงถึง 87.5% ทำให้มันมีขนาดตัวใหญ่มาก โดยยูกิถูกเจ้าของทิ้งตั้งแต่เด็กๆ เพราะเจ้าของคิดว่านิสัยของมันแสดงออกเหมือนหมาป่ามากเกินไป จนเริ่มเลี้ยงยาก ตอนนี้มันได้รับการช่วยเหลือจาก Shy Wolf Sanctuary ในฟลอริดา
ผู้ที่ช่วยเหลือมันเล่าว่า ตอนแรกมันผอมและอ่อนแอมาก ไม่สามารถเข้ากับสัตว์ตัวอื่นๆ ในสถานพักพิงได้เลย ทั้งยังเข้ากับเจ้าหน้าที่ไม่ค่อยได้ มันจึงไม่กินอาหารที่เจ้าหน้าที่เตรียมให้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวลที่สุดหาก Wolfdog ตัวหนึ่งถูกทิ้ง จนกระทั่งทาง Shy Wolf Sanctuary พบและรับตัวไปดูแลต่อ ภายหลังได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ทำให้ยูกิกลับมาแข็งแรงอีกครั้งและเป็น Wolfdog ดาวเด่นประจำศูนย์ในการรณรงค์ให้คนเลี้ยง Wolfdog อย่างเข้าใจและถูกต้องมากขึ้น
ดังนั้น ไม่เพียงแต่ Wolfdog เท่านั้นแต่หากคุณอยากเลี้ยงสัตว์สักตัว ก็ควรศึกษาและทำความเข้าใจถึงลักษณะนิสัยและวิธีการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสมของพวกเขาเสียก่อน
สิ่งที่คนทั่วไปมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Wolfdog
1. Wolfdog เป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดีกว่าสุนัขทั่วไปหรือไม่
ตอบ : ด้วยนิสัยเดิมของหมาป่าที่ค่อนข้างขี้อาย ขี้ระแวง และด้วยความที่นิสัยของมันหลากหลายและควบคุมได้ยาก จึงไม่ใช่ wolfdog ทุกตัวที่เหมาะสมกับงานนี้
2. ความเชื่อที่ว่า สุนัขลูกผสมนี้น่าจะมีอายุไขที่ยืนยาวกว่าสุนัขทั่วไป
ตอบ : ไม่เป็นความจริงอายุขัยของ Wolfdog คือประมาณ 12-14 ปี ซึ่งใกล้เคียงกับสุนัขบ้านขนาดใหญ่ทั่วไป
3. นอกจากเรื่องอายุขัยแล้ว ลูกผสมพวกนี้มีสุขภาพที่แข็งแรงกว่าสุนัขบ้านและเสี่ยงต่อโรคน้อยกว่าหรือไม่
ตอบ : ทั้งสุนัขบ้านและ Wolfdog มีโอกาสเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อต่างๆ พอกัน แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าคือ ยังไม่มีการยืนยันถึงวัคซีนต่างๆ ที่ใช้ในสุนัขบ้าน ว่าใช้ได้ผลกับ wolfdog มากน้อยเพียงใด
4. สุนัขสายพันธุ์ Siberian Husky และ Alaskan Malamute เป็นลูกผสมของหมาป่าหรือไม่
ตอบ : ไม่ใช่ แม้สุนัขสองสายพันธุ์นี้หน้าตาคล้ายหมาป่ามาก แต่ก็ถือเป็นสุนัขบ้านทั่วไปเหมือนกับสุนัขสายพันธุ์อื่นๆ