ฉันจะคอยฟังเสียงเธอ ไม่ว่าจะเบาแค่ไหนก็ตาม
สิ่งที่โดดเด่นของสุนัขที่ไม่แพ้การดมกลิ่นเลยคือความสามารถในการได้ยิน สุนัขสามารถได้ยินเสียงตั้งแต่ 67-45000 เฮิร์ตซ์ ในขณะที่มนุษย์สามารถได้ยินเสียงในคลื่นความถี่ 64 – 23,000 เฮิร์ตซ์ เท่านั้น จากการประมาณการณ์คาดว่าสุนัขจะสามารถได้ยินเสียงดีกว่ามนุษย์ถึง 4 เท่า
แต่หากเจาะลึกลงไปในเรื่องการได้ยินของสุนัขจริงๆ แล้ว จะพบว่าสุนัขจะได้ยินเสียงดีกว่ามนุษย์มากๆ ในคลื่นความถี่ โดยเฉพาะในคลื่นความถี่สูง ตั้งแต่ 12,000 เฮิร์ตซ์ เป็นต้นไป จะเป็นเสียงที่สุนัขไวและได้ยินดีกว่ามนุษย์มาก สุนัขยังไวต่อการฟังเสียงเบามากๆ ที่มนุษย์ไม่ได้ยินอีกด้วย มีการทดลองพบว่าสุนัขสามารถได้ยินเสียงในระดับติดลบ -15 เดซิเบลได้
สาเหตุที่สุนัขมีประสาทรับเสียงที่ดีแบบนี้ เชื่อกันว่าเกิดขึ้นจากในสมัยโบราณที่สุนัขต้องล่าเหยื่อเอง พวกเขาจะต้องฟังเสียงเหยื่อควบคู่กับการดมกลิ่นตามรอย ความสามารถในการฟังเสียงที่มีความถี่สูงนั้นเพื่อตรวจจับเสียงร้องแหลมเล็กของสัตว์ตระกูลหนูหรือกระต่ายที่ซ่อนตัวอยู่ แต่เมื่อสุนัขอยู่กับมนุษย์แล้วความสามารถนี้ก็ยังติดตัวอยู่ และมีงานวิจัยพบด้วยว่าสุนัขชอบให้เจ้าของพูดกับตัวเองด้วยการใช้ “เสียงสอง” อีกด้วย ซึ่งอาจมีสาเหตุว่าพวกเขาฟังเสียงสูงได้ดีกว่านั่นเอง
นอกจากนี้ด้วยความสามารถในการฟังเสียงที่คลื่นความถี่สูงได้ดี ทำให้หลายคนเชื่อว่าสุนัขสามารถรับรู้การเกิดแผ่นดินไหวล่วงหน้าได้จากเสียงการสั่นสะเทือนที่มนุษย์ไม่ได้ยิน รวมไปถึงสามารถรู้ล่วงหน้าว่าจะมีใครมาที่บ้านนานๆ ได้จากเสียงจังหวะการเดินที่มนุษย์ไม่มีทางได้ยินเลย
อย่างไรก็ดีความสามารถการฟังที่ยอดเยี่ยมของสุนัขนี้เองก็เป็นเหมือนกับดาบสองคม เพราะสุนัขอาจจะเครียดได้จากเสียงที่ดังเกินไปจากกิจวัตรชีวิตประจำวันของพวกเรา เช่น การเปิดเพลงดังๆ ในบ้าน เสียงเครื่องดูดฝุ่น และเสียงไดร์เป่าผม ซึ่งเสียงเหล่านี้มักจะดังเกินไปสำหรับสุนัขจะทนไหวในระยะเวลานานๆ และที่สำคัญที่สุดคือเสียงพลุและประทัด ซึ่งในแต่ละปี มีสุนัขที่แตกตื่นและวิ่งหายไปเพราะเสียงพลุและประทัดเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นในช่วงเทศกาล อย่าลืมดูแลน้องดีๆ ลดความเสี่ยงด้วยการพาน้องเข้ามาอยู่ในบ้านและปิดประตูให้มิดชิดเพื่อกันไม่ให้หนีก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งเหมือนกัน