กลางป่าฝนที่ดำมืด ดวงตากลมโตกำลังจับจ้องมาที่คุณ
หากคุณเดินเข้าไปในป่าฝนของเกาะมาดากัสการ์ ท่ามกลางบรรยากาศชื้นแฉะและเงียบสงัดยามราตรี แล้วพลันมีเสียงเคาะประหลาดดังขึ้น เมื่อกวาดสายตามองก็พบกับสิ่งมีชีวิตหน้าตาชั่วร้ายพร้อมดวงตาที่เบิกกว้างกำลังมองมาหาคุณอย่างไม่กลัวเกรง
สิ่งมีชีวิตที่เราเล่าถึงนี้คือ Aye-Aye (อาย-อาย) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตัวเล็ก ลักษณะคล้ายลิงผสมหนู มีจุดเด่นที่หน้าตาที่ดวงตากลมโต ขนที่ไม่นุ่มฟูแต่แข็งคล้ายหนามปกคลุมทั่วตัว และนิ้วที่ยาวเก้งก้าง โดยเฉพาะนิ้วกลางที่ยาวกว่านิ้วอื่นอย่างผิดปกติ
ด้วยลักษณะนี้เองทำให้คนในพื้นที่เชื่อว่าตัว Aye-Aye เป็นสัตว์แห่งโชคร้าย มีเรื่องเล่ากันว่าในยามค่ำคืนตัว Aye-Aye จะแอบย่องเข้ามาในหมู่บ้านระหว่างที่ทุกคนหลับสนิท แล้วเข้าไปในห้องนอนของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายก่อนที่จะใช้นิ้วกลางยาวๆ นั้นแทงทะลุหัวใจเพื่อปลิดชีพ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว นิ้วกลางยาวๆ ของตัว Aye-Aye นั้นมีเอาไว้ใช้ล้วงเข้าไปในโพรงไม้เพื่อกวาดเอาตัวอ่อนแมลงมากินต่างหาก โดยในยามค่ำคืนมันจะออกร่อนเร่ไปตามต้นไม้ต่างๆ แล้วใช้นิ้วเคาะตามลำต้นและกิ่งเพื่อดูว่ามีโพรงอยู่ตรงไหนบ้าง เมื่อพบแล้วก็จะแหวกเปลือกไม้ออกแล้วใช้นิ้วกลางแทงเข้าไปแล้วกวาดตัวอ่อนแมลงออกมากิน ดังนั้นเสียงเคาะประหลาดยามค่ำคืนที่ฟังดูไม่น่าไว้วางใจนั้นก็เป็นฝีมือของตัว Aye-Aye เช่นกัน และยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของสัตว์ชนิดนี้ย่ำแย่ลงไปอีก
ด้วยความที่หน้าตาน่ากลัวและมีเรื่องเล่าสยองขวัญเป็นของตัวเอง อีกทั้งยังมีนิสัยไม่กลัวมนุษย์ กล้าเข้าหาอย่างไม่กลัวเกรงต่างจากสัตว์ป่าชนิดอื่น ทำให้ชาวบ้านบนเกาะมาดาร์กัสการ์ไม่ชอบ Aye-Aye เป็นอย่างมาก เมื่อพบเห็นมักจะถูกฆ่าทันที ประกอบกับแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติก็ลดลงจากการรุกรานของมนุษย์ทำให้สัตว์ที่น่าทึ่งชนิดนี้ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วจนตอนนี้อยู่ในภาวะ “เสี่ยงต่อการถูกคุกคาม” (Near Threatened) จากการจัดอันดับของ IUCN
ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นคือยังเป็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานและหาข้อสรุปไม่ได้ว่า ตัว Aye-Aye นั้น เป็นสิ่งมีชีวิตในตระกูลลิงหรือว่าในตระกูลสัตว์ฟันแทะกันแน่ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ถึงกับตั้งจีนัสเฉพาะสำหรับพวกมันโดยเฉพาะขึ้นมาทีเดียว
สิ่งมีชีวิตที่น่ามหัศจรรย์แห่งเกาะมาดาร์กัสการ์นี้จะยังคงอยู่รอดต่อไปได้หรือไม่ อาจขึ้นอยู่กับมนุษย์เราว่าพร้อมมองข้ามรูปลักษณ์ภายนอกแล้วไปสัมผัสกับตัวตนจริๆ ของสัตว์ชนิดนี้หรือไม่ บางทีอาจถึงเวลาแล้วที่เราที่เป็นผู้มอบความโชคร้ายให้
ก็ต้องเป็นผู้ที่ทำลายความโชคร้ายนั้นเสียเอง