Web Exclusive
หน้าที่ของโกโตคุเนโกะคือการจุดไฟในที่พักอาศัย หรือก่อไฟสร้างความอบอุ่นให้ตนเองและคนในบ้าน แต่บังเอิญว่าการสวมโกโตคุนี้ดันไปคล้ายกับปิศาจอีกตนหนึ่งที่มีชื่อว่า Ushi no Koku Mairi เลยมีคนบางกลุ่มมองว่าโกโตคุ เนโกะจะนำลางร้ายมาให้ได้เหมือนกัน

Gotoku Neko : ภูตแมวผู้ดูแลไฟในบ้าน

เรื่อง : howl the team

ฟืนไฟในบ้านต้องให้น้องแมวดูแล

สำหรับภูตแมวตนนี้ออกจะมีที่มาคลุมเครือไม่น้อย ภูตตนนี้มีชื่อว่า “โกโตคุ เนโกะ” (Gotoku Neko) ที่ปรากฏอยู่ในงานเขียน และภาพวาดโบราณของประเทศญี่ปุ่น แมวยืนสองขามีสองหางมีลูกไฟดูเหมือนจะเป็นเนโกะมาตะ แต่มีพร็อพเสริมมาเป็นขาตั้งหม้อหรือกาสามขาบนหัวคล้ายมงกุฎและปล้องไผ่สำหรับก่อไฟในเตาผิงพื้นบ้านญี่ปุ่น แล้วอะไรคือความแตกต่าง และอุปกรณ์เหล่านี้ใช้ทำอะไรกันแน่

มาวิเคราะห์กันถึงรากศัพท์ของชื่อสักหน่อย คำว่า “โกโตคุ” นั้นประกอบขึ้นมาจาก 2 คำคือ โก ที่แปลว่า 5 และ โตคุ ที่แปลว่าศีลธรรม แต่เมื่อนำมาประกอบกันจะเป็นชื่อของขาตั้งหม้อหรือกาที่อยู่บนเตาไฟ ซึ่งก็เป็นความหมายตรงตัวสำหรับสิ่งที่สวมอยู่บนหัวของภูตแมวตนนี้ โดยเชื่อว่าหน้าที่ของ โกโตคุเนโกะคือการจุดไฟในที่พักอาศัย หรือก่อไฟสร้างความอบอุ่นให้ตนเองและคนในบ้านนั่นเอง แต่บังเอิญว่าการสวมโกโตคุนี้ดันไปคล้ายกับปิศาจอีกตนหนึ่งที่มีชื่อว่า Ushi no Koku Mairi เลยมีคนบางกลุ่มมองว่าโกโตคุ เนโกะจะนำลางร้ายมาให้ได้เหมือนกัน

แต่เมื่อย้อนกลับมาพูดถึงความหมายคำว่าศีลธรรมทั้ง 5 ก็มีตำนานที่แตกต่างกันออกไปสำหรับความหมายนี้ด้วย โดยกวีท่านหนึ่งในศตวรรษที่ 18 ชื่อว่า Toriyama Sekien กล่าวถึงเรื่องเล่าโบราณที่ว่ามีขุนนางนาม Yukinaga ผู้ร่ายรำบทประพันธ์ศีลธรรมทั้ง 7 แต่กลับลืมไป 2 ข้อ และเมื่อเนโกะมาตะได้รับรู้การแสดงนี้ จึงได้นำมาใช้และเกิดเป็นโกโตคุ เนโกะขึ้น

โกโตคุ เนโกะ จัดได้ว่าเป็นภูตที่มีทั้งความเชื่อด้านดีที่คอยช่วยเหลือมนุษย์และความเชื่อที่ว่าจะนำลางร้ายมาให้ แต่ไม่ได้มีการเล่าปากต่อปากกันอย่างหนาหูเหมือนกับภูตแมวตนอื่น มีเพียงภาพวาดและชื่อปรากฏในผลงานของศิลปินบางท่านเท่านั้น แต่นั่นก็ถือเป็นการบันทึกชั้นเยี่ยมที่ทำให้เราได้ทราบวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นในอดีตให้คนรุ่นใหม่เรียนรู้ได้เช่นกัน

ส่วนที่มาของภูตตนนี้ บางทีอาจจะมาจากในสมัยโบราณที่บ้านในประเทศญี่ปุ่นทำจากไม้และมีเตาไฟภายในบ้าน เมื่อมีแมวนอนใกล้เตาไฟอาจจะทำให้ไฟลามมาติดที่หางได้ เมื่อไฟไหม้หางแมวก็ตกใจวิ่งไปรอบบ้านส่งผลทำให้ไฟไปติดกับส่วนอื่นๆ ของบ้านจนทำให้ไฟไหม้บ้านในที่สุด ดังนั้นในบางพื้นที่จึงมีเรื่องเล่าพื้นบ้านที่พูดถึงว่าห้ามให้แมวเข้าใกล้ไฟ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่แมวเข้าใกล้ไฟอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวน้องแมวเองและบ้านอยู่แล้ว ดังนั้นจึงต้องคอยระวังให้ดี

เพราะเรื่องฟืนไฟไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ถึงจะมีภูตแมวมาเกี่ยวหรือไม่ก็ตาม