แย่แล้ว…น้องแมวหายทำยังไงดี
ของหายใครก็อยากได้คืน แต่นี่น้องแมวสุดที่รักของเราหายไปทั้งทีจะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร
ถึงจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ในความเป็นจริงแล้วปัญหาแมวหายเป็นปัญหาที่คนเลี้ยงแมวจำนวนมากประสบพบเจออยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะใครที่เลี้ยงน้องแมวแบบเลี้ยงปล่อย เพราะโดยธรรมชาติแล้วน้องแมวเป็นสัตว์ที่มีความช่างสงสัยและชอบการผจญภัย พวกเขามักเดินไปนู่นมานี่เป็นประจำ อีกทั้งอาณาเขตของน้องแมวไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่รั้วบ้านเหมือนในมนุษย์เรา การออกไปผจญภัยนอกบ้านจึงเป็นเรื่องปกติที่พบเจอได้
แต่หากหายไปนาน ๆ หรือเรียกเท่าไรน้องแมวก็ไม่ยอมกลับบ้านซะทีล่ะเราจะทำยังไงดี คราวนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับวิธีการตามหาแมวหายแบบต่างๆ กัน เพื่อป้องกันเอาไว้ในกรณีที่น้องแมวหายไปในเหตุสุดวิสัยจริงๆ
รวมไปถึงขอให้เจ้าของทุกคนที่กำลังตามหาแมวอยู่ได้เจอกับน้องแมวอีกครั้งนะ
ในกรณีที่แมวยังหายไปได้ไม่นาน ให้เริ่มต้นจากวิธีนี้ก่อน
วิธีคลาสสิคที่สุดคงหนีไม่พ้นการเดินตามหาน้องแมวในแถวละแวกบ้าน เพราะเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายที่สุดและสะดวกที่สุด แต่คุณรู้หรือไม่…การเดินตามหาน้องแมวในเวลากลางวันอาจไม่ได้ผล เพราะช่วงเวลาที่เหมาะแก่การตามหาน้องแมวที่สุดคือเวลากลางคืน
เวลากลางคืนที่กล่าวถึงนี้ คือช่วงเวลาตั้งแต่ตี 2 เป็นต้นไป เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เมืองทั้งเมืองเงียบสงัด และธรรมชาติน้องแมวเป็นสัตว์ที่ตื่นตัว ออกล่า และชอบเดินเล่นยามค่ำคืน หากคุณตามหาน้องแมวในช่วงเวลานี้ พร้อมกับกระป๋องอาหารในมือ ลองเปิดกระป๋อง และเขย่าให้เกิดเสียงดัง ร่วมกับการใส่เสื้อผ้าที่มีกลิ่นที่น้องแมวคุ้นเคย หรือถือเบาะรองนอนของเขาไว้ด้วย เพียงเท่านี้ด้วยเสียงและกลิ่นก็จะช่วยกันเรียกให้น้องแมวกลับมาหาเราได้ ทำให้มีโอกาสที่คุณจะพบกับน้องแมวมากขึ้น
นอกจากนี้บริเวณที่แนะนำให้ลองมองหาน้องแมว คือบริเวณต้นไม้ใหญ่ หรือบริเวณที่มีเหยื่อตามธรรมชาติของแมวอาศัยอยู่ เช่น นก กระรอก กระแต หรือแม้แต่เพื่อนแมวด้วยกันเอง (โดยเฉพาะช่วงติดสัด) ที่ๆ เหล่านี้มีโอกาสที่แมวจะเดินเล่นและหยุดสนใจได้มาก
เคล็ดลับอีกอย่างคือลองสวมบทบาทเป็นแมวของคุณ และคิดดูว่าน้องแมวของคุณมีลักษณะนิสัยอย่างไร ชอบที่แบบไหน พวกเขาอาจไปอยู่ในที่เหล่านั้นในแบบที่คุณคิดก็ได้ แต่หากลองทำวิธีทั้งหมดนี้แล้วยังไม่พบน้องแมวล่ะก็ คงต้องลองวิธีต่อไปแล้วล่ะ
เมื่อเครือข่ายข่าวสารคือขุมพลังที่คุณคาดไม่ถึง
เมื่อหาเองไม่พบก็อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ ยิ่งในยุคปัจจุบันนี้ช่องทางการช่วยเหลือน้องแมวมีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว การประกาศตามหาน้องหาแมวตามช่องทางต่าง ๆ จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ช่องทางแรกที่เราจะแนะนำไม่จำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ต เพราะมันคือการถามหาเพื่อนบ้านเรานี่เอง ขอบอกว่าอย่ามองข้ามเพื่อนบ้านข้างตัวเราเด็ดขาด เพราะบางทีน้องแมวอาจเดินเล่นเตร็ดเตร่ไปไม่ไกลจากตัวบ้าน หรืออาจไปแอบหลับ แอบเล่นตามละแวกบ้านข้างเคียง การเดินถามหาเพื่อนบ้านนอกจากจะเป็นการตรวจสอบว่าน้องแมวเราแอบมาเล่นแถวนี้ไหมแล้ว เรายังอาจได้ข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย อีกทั้งพอเพื่อนบ้านทราบข่าว เขาอาจจะช่วยตามหาอีกแรงด้วยได้
ช่องทางต่อมาขยับเป็นเขตชุมชนที่ใหญ่ขึ้น เราอาจทำประกาศติดตามกระดานข่าวสารหมู่บ้าน หรือทำป้ายตามหาน้องแมวหายแถมแจกเงินรางวัลสำหรับผู้พบเห็น วิธีนี้นอกจากจะเป็นการระดมแรง ระดมกำลังที่มากขึ้นแล้ว ยังทำให้โอกาสการพบเจอน้องมากขึ้นอีกด้วย อย่าลืมเลือกรูป หรือระบุลักษณะเด่นของน้องให้ชัดเจนเพื่อที่ทุกคนจะได้ช่วยตามหาได้ง่ายมากขึ้น
ช่องทางสุดท้ายคือการลองพึ่งพาโซเชียลมีเดียสักหน่อย บอกเลยว่าข่าวสารในนี้แพร่กระจายได้รวดเร็ว และเป็นวงกว้างอย่างมาก แถมยังใช้เวลาไม่นาน และอัปเดตอยู่เสมออีกด้วย เช่นเดียวกับการทำป้ายประกาศ อย่าลืมเลือกใช้รูป และระบุข้อมูลให้ชัดเจน เช่น น้องหายไปที่ไหน เมื่อไร และอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้หวังดีช่วยตามหาไปได้อีกแรง
ถ้าแผนรุกไม่ได้ผลก็ถึงเวลาของแผนตั้งรับ
ธรรมชาติของน้องแมวเป็นสัตว์ที่มีความระแวดระวังตัวสูงมาก พวกเขามักตื่นตกใจกับการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ หรือเสียงดังอยู่เสมอ แถมกลิ่นที่ไม่คุ้นชินอาจทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย เกิดความเครียด และหนีออกไปจากบริเวณนั้นได้ ดังนั้นเมื่อเราเข้าใจในธรรมชาติข้อนี้แล้ว อีกวิธีที่สามารถช่วยตามหาน้องแมวได้คือการทำเซฟโซน
เซฟโซนหรือพื้นที่ปลอดภัย หมายถึงพื้นที่ที่น้องแมวรู้สึกอุ่นใจ หรือสบายใจที่จะอยู่ (เหมือนคนเราที่รู้สึกว่าเตียงนอนคือพื้นที่พักผ่อน พื้นที่ปลอดภัยยังไงยังงั้นเลย) พื้นที่เหล่านี้จะทำให้น้องแมวรู้สึกอยากกลับมา และเมื่อกลับมาเขาก็จะอยู่ในเซฟโซนนี้รอให้เรามาเจอนั่นเอง
เซฟโซนสำหรับน้องแมวไม่ใช่พื้นที่ซับซ้อนแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพียงพื้นที่ง่ายๆ ที่ปิดทึบ ดูอบอุ่นปลอดภัย และหลบซ่อนได้ วิธีการทำก็ง่ายๆ เพียงหากล่องทึบ ลัง หรือกล่องกระดาษมาตั้งไว้บริเวณบ้าน เจาะรู หรือเปิดช่องให้น้องแมวสามารถเข้าไปได้ จากนั้นวางอาหาร น้ำ และผ้า หรือเบาะรองนอนที่มีกลิ่นของเขาใส่ไว้ในนั้น เมื่อน้องแมวได้กลิ่นและกลับมาพวกเขาก็จะรู้สึกปลอดภัย และเข้าไปหลบอยู่ในนั้น
เคล็ดลับคือควรตั้งเซฟโซนไว้ในที่ที่ไม่โดนฝน โดนแดด หรือมีสัตว์เลี้ยงอื่นๆ เช่น น้องหมา อยู่ด้วยล่ะ เพราะกลิ่นเหล่านี้อาจทำให้น้องแมวรู้สึกไม่ปลอดภัย และไม่ยอมเข้ามารอในเซฟโซนที่เราจัดเตรียมไว้ได้
ได้เวลาของมืออาชีพแล้ว
ถ้าลองพยายามด้วยตัวเองแล้วไม่ได้ผลก็คงต้องถึงคิวผู้เชี่ยวชาญ แบบนี้ก็ได้เวลานักสืบสัตว์เลี้ยงออกโรงเสียที
นักสืบสัตว์เลี้ยงมีหน้าที่ในการคอยให้ความช่วยเหลือตามหาสัตว์เลี้ยงที่หายไป ไม่ว่าจะเป็นน้องหมาหรือน้องแมว เป็นอาชีพที่มีอยู่จริงในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีนที่ในช่วงหลังที่ผ่านมามีอัตราการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้เกิดปัญหาสัตว์เลี้ยงหายมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ซึ่งความสามารถของพวกเขานั้นบอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะนักสืบสัตว์เลี้ยงสามารถตามหาสัตว์เลี้ยงที่หายไปเจอได้ภายใน 1-2 วัน หรืออย่างเร็วที่สุดภายใน 2 ชั่วโมงเท่านั้น วิธีการทำงานของพวกเขาเริ่มต้นจากการเก็บข้อมูลทุกอย่างให้มากที่สุด เพียงคุณให้ข้อมูลทั้งหมดที่รู้ เช่น หน้าตาน้องเป็นอย่างไร สายพันธุ์ของน้องคือสายพันธ์ไหน (สายพันธุ์ก็มีผลต่อเส้นทางการหนีของน้องเหมือนกันนะ) หายไปที่ใด เวลาประมาณกี่โมง และข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็น พวกเขาก็จะทำการสังเคราะห์ข้อมูล ประเมินเส้นทางที่น้องอาจจะหนีไปได้ และออกเดินทางตามหาน้องทันที
จากตรงนี้ก็แล้วแต่ความสามารถของนักสืบสัตว์เลี้ยงแต่ละทีมแล้วว่าจะมีเคล็ดลับหรือวิธีการตามหาอย่างไร บางคนอาจนิยมการตามหาด้วยการใช้อุปกรณ์ตรวจจับสุดไฮเทค ทั้งแว่นตาสำหรับมองตอนกลางคืน กล้องจับความร้อน แต่บอกเลยว่านักสืบสัตว์เลี้ยงมือเก๋าบางคนก็แทบไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากมาย ใช้เพียงแค่ประสบการณ์และความชำนาญก็ตามหาน้องได้แล้ว
อย่างไรก็ตามเท่าที่เราลองสืบค้นดูพบว่าอาชีพนี้น่าจะยังไม่มีคนทำอย่างจริงจังในประเทศไทย (หรือมีแล้วคอมเมนต์บอกเราที่ใต้โพสต์นี้ได้เลยนะ) แต่หากใครอยากลองริเริ่ม หรืออยากหาอาชีพเสริมก็อาจจะลองสั่งสมประสบการณ์แล้วทำอาชีพนี้ได้เหมือนกัน คิดว่าเป็นอาชีพที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ถึงเวลาของพลังเหนือธรรมชาติกันแล้ว
เมื่อเราลองทุกวิถีทางแล้วแต่น้องแมวก็ยังไม่กลับมา ก็ได้เวลาที่ต้องใช้วิธีเหนือธรรมชาติกันซักหน่อย แน่นอนว่าเราจะเริ่มจากการบนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือก็ได้ แต่ที่ญี่ปุ่นนั้นมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งที่น่าสนใจและว่ากันว่าช่วยให้ตามหาแมวที่หายเจออย่างได้ผล นั่นก็คือการ “ถามแมวจรจัด” นั่นเอง
วิธีการตามหาแมวสุดแปลกนี้นี้มีจุดเริ่มเติมมาจากแอคเคาท์ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า “@charlie0816” ทวิตขอความช่วยเหลือว่าแมวของเขาหายไปนาน 2 วันแล้ว แล้วมีคนมาตอบทวิตเขาว่าให้ลองไปคุยกับแมวจรจัดแถวๆ บ้านดู พร้อมอย่าลืมบอกว่า “ถ้าเธอเจอแมวของฉัน ช่วยบอกให้เขากลับบ้านด้วยนะ”
ด้วยความที่ไม่มีอะไรจะเสีย @charlie0816 จึงลองทำตามดู เขาเดินไปในละแวกแถวบ้านแล้วไปคุยกับแมวจรจัดตัวหนึ่งหน้าร้านสะดวกซื้อ ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าทึ่งมากเพราะแมวของเขากลับมาในวันรุ่งขึ้นจริงๆ เขาก็เลยรีบกลับมาแชร์เทคนิคนี้และเป็นที่ฮือฮาในโลกทวิตเตอร์ในเวลาต่อมา แถมที่สำคัญคือชาวญี่ปุ่นอีกหลายคนที่เคยแมวหายมาคอมเมนต์บอกว่าตัวเองก็ใช้วิธีนี้และได้ผลด้วยเหมือนกัน
สำหรับเจ้าของแมวในไทย เมื่อเราแชร์วิธีการตามหาแมวแบบนี้ออกไปเมื่อประมาณกลางปีที่แล้วก็มีคอมเมนต์ของเจ้าของแมวชาวไทยมาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่มักบอกว่าได้ผล โดยตัวอย่างคอมเมนต์มีดังนี้
1. ได้ผลจริงๆ ค่ะ ปีโป้หายไป แล้วมีคนอุ้มปีโป้ไป เราไม่รุ้จะทำยังไง เราจึงลองวิธีนี้คือไปบอกแมวจรที่หอให้พาน้องกลับมาหน่อย ปรากฎว่าวันรุ่งขึ้น เจ้าแมวจรไปร้องอยุ่หน้าห้องคนที่อุ้มปีโป้ไป แล้วพาน้องกลับมาที่หอเรา เราเองก็ทึ่งมากกับวิธีนี้ ตอนแรกยอมรับว่าไม่ได้คิดว่าจะได้ผลร้อยเปอร์เซ็น แต่มันเห็นผลจริงๆ ค่ะ
2. บ้านนี้เคยให้เจ้าเหมียวไปหาเหมือนกันค่ะ ต้าวเหมียวที่บ้านหาย เลยให้อีกตัวไปหา สักพักก็กลับมา ไม่รู้ไปหากันจริง หรือต้าวเหมียวอยากกลับมาเอง
3. ก๊วยตัวดำหายไป เลยบอกให้สีหมอกตัวอ้วนลายไปตาม บอกหมอกก๊วยหายไปวันกว่าแล้ว ฝากไปตามกลับมาหน่อยป่านนี้หิวเเย่แล้ว ไม่ถึงครึ่งวัน ก๊วยก็เดินตามหมอกกลับมาบ้าน…ตอนนี้ 2 เพื่อนซี้นี้ เขาไปวิ่งบนดาวแมวแล้ว
4 แมวเราหายไป 10 วัน ระยะทางไกลเพราะรถที่ติดไปเค้าบอกเห็นแมวส้มกระโดดลงไปในเมืองระยะทาง 10 กว่ากิโลได้ จากที่ติดไปเราก็ไปหาตรงนั้นทุกๆ วันเอาอาหารไปวางให้จนเจอแมวจรมากินอาหารที่เราเอาไปให้แมวของเรา เราเลยคุยกับแมวจร(ซึ่งปกติก็เป็นโรคเจอแมวไม่ได้ชอบเล่นชอบคุยกับมัน) ให้ฝากบอกน้องกลับบ้านด้วยนะ เราเป็นห่วงมาก แล้วเราก็ขี่รถแบบช้าๆ เรียกมาตลอดทางเจอหมาแมวเราก็บอกหมดแหละว่าให้นำทางน้องกลับบ้าน ใครจะคิดว่าอีกวันตอนกลางคืนน้องจะกลับมาในสภาพที่เท้าแตกเลือดซิบเป็นแผลทั้งตัว ผอมมาก ร้องไห้น้ำตาไหลมา ไม่อยากคิดเลยระหว่างทางจะโดนอะไรมาบ้าง แต่สุดท้ายก็กลับมาเป็นแมวอ้วนของเราอีกครั้ง
5. เมื่อก่อนมีแมว 3 ตัว ยายมี่ แก่ที่สุด ส้มล้านเป็นตัวผู้ นิลมังกรจะอยู่บ้าน วันนึง ยายมี่หายไป หาแถวบ้านยังไงก็ไม่เจอ เลยบอกส้มล้านไปตามยายให้แม่หน่อย ยายแก่แล้วคงกลับบ้านไม่ถูก ไม่ถึงครึ่งวัน นางก็กลับมาบ้าน เรื่องหลายอย่างเกิดขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ
6. เรื่องจริงค่ะ ที่บ้านมีแมว 2 ตัววันนั้นปล่อยออกไปเดินเล่นแต่กลับมาตัวเดียว ก็เลยบอกว่า ลูน่าไปตามซันนี่กลับบ้านมาหน่อย ดึกแล้วเดี๋ยวจะกลับบ้านไม่ถูก แมวก็ออกไปตามสักพักหนึ่งก็พากันกลับมาทั้ง 2 ตัวค่ะ
7. ได้ผลจริงค่ะ เเมวเราชอบเที่ยวนอกบ้านปกติจะไปเเล้วกลับตลอดมีครั้งนึงหายไปนานมาก 3-4 วัน เราก็ตามหาไม่เจอเลยลองไปถามเเมวจรเเถวนั้นดู เล่าทุกอย่างให้เเมวจรฟัง ให้ดูรูปเเมวเราด้วย เราบอกไปเล่าอยู่ประมาณ 2 วัน จนเราถอดใจพอตกกลางคืนเเมวเราก็กลับมาค่ะ เราก็เลยซื้อข้าวไปขอบคุณเหล่าเเมวจรพวกนั้น
8. ที่บ้านเลี้ยงแมวหลายตัว เวลาที่แมวบางตัวไปเที่ยวเล่นเพลินแล้วยังไม่กลับเข้าบ้าน เราก็บอกให้พวกเขาสักตัวหนึ่ง ช่วยไปตามน้องกลับบ้านมากินข้าวหน่อย มันจะมืดแล้ว สักพัก…เขาก็พากันกลับเข้าบ้านนะ
9. มันกลับมาจริงๆ ค่ะ ถ้าตัวนึงหายไปนานๆ เราจะใช้ให้อีกตัวไปตาม ไม่เกิน 10 นาที กลับมาค่ะ ใช้วิธีนี้บ่อยมากๆ
10. ได้ผลค่ะ หายไป 3 วัน บอกแมวจรฝากไปตามให้หน่อย เช้าวันรุ่งขึ้นตัวที่หายมาร้องเรียกหน้าห้องดีใจมากค่ะ
11. เคยค่ะ แมวแหกมุ้งลวดออกไปไล่จับนกแล้วหายไปไหนไม่รู้ แต่ไม่ทันได้ข้ามวันหรอกเราเป็นแม่ก็ร้อนใจ ลงไปถามแมวจรแถวนั้นว่าเห็นแมวสีแบบนี้ รูปร่างแบบนี้ หน้าตาแบบนี้บ้างไหม ถ้าเห็นให้บอกด้วยว่าให้กลับบ้านแม่เป็นห่วง ตะวันยังไม่ทันจะตกดินเลยค่ะ แมวมายืนเรียกอยู่หน้าประตูบ้านแล้ว ดีใจมากๆ แต่ก็ประหลาดใจมากเช่นกัน
จริงๆ วิธีการถามหาแมวหายด้วยการบอกแมวจรจัดนั้น ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ แถมออกแนวไปทางด้านเรื่องเหนือธรรมชาติปนกับความลี้ลับอยู่ซักหน่อย แต่อย่างไรก็ดี ทีมงานลองมาวิเคราะห์ดูแล้วคิดว่าเป็นไปได้ที่ตัวเรานั้นอาจจะมีกลิ่นของแมวที่เราเลี้ยงติดอยู่ พอเราไปถามแมวจร เขาก็ได้กลิ่นแมวที่ติดอยู่ที่เสื้อผ้าของเรา แล้วพอเดินๆ ไปเจอแมวของเราที่หายและหลงทางอยู่ก็อาจจะช่วยนำทางให้กลับมาที่บ้านหรือจุดที่เจอกับเจ้าของก็ได้ แล้วหลังจากนั้นพอกลับมาในละแวกที่คุ้นเคยแล้วแมวของเราก็อาจจะค่อยๆ หาทางกลับบ้านได้เอง
แน่นอนว่านี่เป็นข้อสันนิษฐานของทีมงานเท่านั้น ยังไม่มีการยืนยันทางวิทยาศาสตร์รองรับใดๆ เพราะไม่แน่ว่าจริงๆ แล้วแมวจรจัดเหล่านี้อาจจะเข้าใจสิ่งที่มนุษย์พูดจริงๆ ก็เป็นได้
สุดท้าย วิธีนี้ก็คงจะเป็นเรื่องลึกลับ….ที่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไป